พระสมเด็จโรยผงตะไบทองคำ สร้างปี พ.ศ. 2411 มีพลังพุทธะ |
การจับพลัง ที่หลายคนฝึกแล้วทำได้ โดยจับพระไว้ในมือแล้วท่องคาถาหรืออธิษฐานจิตขอชมบารมี แล้วแต่การฝึกฝนของแต่ละท่าน พลังพุทธานุภาพขององค์พระจะวิ่งจากมือเข้ามาในตัวเกิดอาการขนลุก พระเครื่องทั่วไปอาจจะขนลุกเพียงแขนข้างเดียว หรือ 2 แขนอย่างพระสมเด็จทั่วไป แต่ถ้าเป็นพระเครื่องในปี พ.ศ. 2411 อาการขนลุกจะเกิดขึ้นทั้งตัว บางองค์จากหัวมาเท้า บางองค์จากเท้าขึ้นหัว บางองค์เย็นหลัง ถ้าเป็นพระสมเด็จยอดขุนพลตามที่ข้าพเจ้าเคยเสนอไปพลังจะวิ่งปราดเข้าสู่หัวใจทันทีแน่นหน้าอกไม่สามารถรับพลังได้อีก เช่นเดียวกับพระสมเด็จหลังท้าวมหาพรมหชินนะปัญชะระที่พลังวิ่งเข้ามาทั้ง 2 แขนโดยไม่รู้ว่าด้านหลังคือรูปอะไรแต่ถ้ามั่นใจว่าคือท้าวมหาพรหมชินนะปัญชะระพลังจากกระแสญาณของท้าวมหาพรหมฯจะวิ่งเข้าสู่หัวใจเช่นกันจนแน่นหน้าอกรับพลังต่อไม่ได้ พระที่มีพลังพุทธานุภาพแรงๆอย่างนี้บางคนจับพลังครั้งเดียวแล้วไม่สามารถจับพลังพระองค์อื่นได้อีก แน่นหน้าอกจุกเสียด อย่างมากไม่เกิน 3 องค์ก็หมดเรี่ยวแรง
การสัมผัสพลัง คือคนที่ปฏิบัตธรรมนั่งกรรมฐาน นำพระมาวางไว้บนฝ่ามือแล้วนั่งสมาธิ พอจิตมีสมาธิดีแล้วพลังพระจะดึงมือคนนั้นให้สูงขึ้นเหนือศีระษะ พระเครื่องบางองค์เมื่อพลังดึงมือจนสุดแขนแล้วอาจมีการเอนตัวไปด้านหลังถ้าไม่ฝืนไว้จะหงายหลังทันที แต่ถ้าเป็นพระสมเด็จหรือพระเครื่องที่สร้างในปี พ.ศ. 2411 พลังพระจะดึงมือทำเป็นวงกลมแบบประทักษิณ 3 รอบเหนือหัวเราแล้วดึงมือเราสูงขึ้นจนสุดแขน นี่คือพลังพุทธะ ที่เกิดจากพระเครื่องที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาร่วมอธิษฐานจิตด้วย
การสัมผัสญาณ คือกระแสญาณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลปกปักษ์รักษาพระเครื่ององค์นั้นได้ส่งกระแสญาณไปถึงตัวท่านนั้น การสัมผัสญาณ นอกจากปฏิบัติธรรมกรรมฐานแล้วการเคร่งครัดในศีลเป็นส่วนสำคัญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงจะผ่านญาณจากอีกคนสู่อีกคน ดังเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าที่เขียนถึงหลายๆคนที่สัมผัสญาณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วนั้น พลังญาณสามารถส่งไปได้หลายร้อยกิโลเมตร จากการคุยทางโทรศัพท์หรือจะแชทไลน์ เฟสบุ๊ค มีการถามตอบทั้ง 2 ฝ่ายจึงจะสัมผัสญาณได้ฯ
พระสมเด็จวัดระฆังหลังท้าวมหาพรหมชินนะปัญชะระ พ.ศ. 2411 |
เรื่องเดิมมีอยู่ว่า ท้าวมหาพรหมชินนะปัญชะระ เมื่ออายุเยาว์วัยได้บวชเป็นศิษย์ของพระโมคคัลลานะ ท่านมีปัญญาพากเพียรในทางธรรม พออายุ 7 ขวบ ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ พออายุ 23 ปี ขณะเดินบิณฑบาตโปรดสัตว์ ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งแอบหลงรักท่าน ชินนะ ได้โผเข้ามากอดท่านชินนะอย่างลืมตัว ทำให้ท่านชินนะ เห็นอาการของผู้หญิงคนนั้นกระทำแก่ท่านดังนี้ก็บังเกิดความสังเวชอย่างใหญ่หลวง อันพรหมจรรย์ของท่านต้องมาแปดเปื้อนเสียดังนี้ ความยึดมั่นในพรหมจรรย์ของท่านต้องมาสะบั้นลง ท่านจึงดำริขึ้นว่า "ตัวท่านนี้มีรูปงามเช่นนี้ย่อมก่อให้เกิดอกุศลกรรมแก่อิตถีเพศ เป็นการสร้างบาปให้เกิดขึ้นด้วยมีกายรูปนี้เป็นเหตุ จะมีสักเท่าใดกันหนอที่ปรารถนาล่วงพรหมจรรย์ของท่านเช่นผู้หญิงคนนี้.." ท่านจึงถอดกายทิพย์ออกจากร่าง ทิ้งสังขารไว้เมื่อยังไม่ถึงเวลา กายทิพย์ของท่านจึงไปได้แค่พรหมโลก พรหมผู้หญิงแม้แต่มาถูกเท้าของท่านก็จะถูกสาปฯ
พรหมโลกไม่มีเพศหญิงมีแต่เพศชายนะครับ ไม่รู้เขียนไปได้ยังไง อ้อ..พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ มีแต่เพศชายเท่านั้นนะครับ
เรื่องของ พระอุบลวรรณาเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้มีฤทธิ์ อัครสาวิกาฝ่ายซ้าย เมื่อนางเข้าสู่วัยสาว นอกจากผิวจะงามแล้วรูปร่างลักษณะยังงดงามที่จะหาหญิงอื่นทัดเทียมได้ จึงเป็นที่หมายปองของพระราชาและเศรษฐีทั่วทั้งชมพูทวีป ด้วยเหตุนี้ผู้บิดารู้สึกลำบากใจจึงหาอุบายทางออก โดยให้นางออกบวช นางก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ด้วยนางได้สั่งสมบุญบารมีมาแต่อดีตชาติ และการเกิดในชาตินี้ก็เป็นชาติสุดท้ายของนาง เมื่อนางออกบวชไม่นานก็สำเร็จพระอรหันต์ พระเถรีได้เที่ยวจาริกไปยังสถานที่ต่างๆ และอยู่ในป่าเพียงลำพัง ฝ่ายนันทมานพผู้เป็นลูกชายของลุงของพระเถรี มีจิตหลงรักนางตั้งแต่ยังไม่ได้ออกบวช ได้เข้าไปหลบซ่อนใต้เตียงในกระท่อมที่พักของพระเถรี เมื่อพระเถรีเข้ามาในกระท่อมสายตายังไม่ได้ปรับเข้ากับความมืด นันทมานพก็ออกมาจากใต้เตียงเข้าปลุกปล้ำข่มขืนพระเถรี ถึงแม้พระเถรีจะร้องห้ามว่า "เจ้าคนพาลเจ้าอย่าพินาศฉิบหายเลย ฯ" นัทมานพก็ไม่ยอมฟังทำการข่มขืนจนสมใจแล้วก็ออกไป พอพ้นกระท่อมไม่ไกลก็ถูกธรณีสูบไปเกิดในอเวจีนรก
พระเถรีมิได้ปิดบังเรื่องที่เกิดขึ้น ได้บอกแจ้งเหตุแก่ภิกษุณีทั้งหลาย เรื่องราวของพระเถรีก็ทราบถึงพระพุทธเจ้า เมื่อเวลาล่วงไปภิกษุทั้งหลายต่างสนทนากันในเรื่องนี้ และพูดจาไม่ดีว่า พระเถรียินดีในกาม พระบรมศาสดาได้เสด็จมาในโรงธรรมแล้วตรัสถามเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้วตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย พระขีณาสพทั้งหลายนั้นไม่ยินดีในกามสุข ไม่เสพกามเปรียบเหมือนหยาดน้ำตกลงใบบัวแล้วไม่ติดอยู่ ย่อมกลิ้งตกลงไป และเหมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาดย่อมไม่ติดอยู่บนปลายเหล็กแหลม ฉันใด จึงชื่อว่ากามย่อมไม่ซึมซาบ ไม่ติดอยู่ในจิตของพระขีณาสพ ฉันนั้น"
เรื่องของพระเถรีและของท้าวมหาพรหมชินนะปัญชะระ ทำไมแตกต่างกันมาก เรื่องของพระเถรีจะหนักกว่าของท้าวมหาพรหมฯด้วยซ้ำ แต่ท้าวมหาพรหมฯกับคิดว่าผู้หญิงทำให้พรหมจรรย์ของท่านสะบั้นลง เพราะท่านยังไม่จบพรหมจรรย์ยังไม่ได้พระอรหันต์ได้เพียงพระอนาคามี
การเผยแพร่ครั้งแรกรูปของท้าวมหาพรหมชินนะปัญชะระ เท้าขวาเหยียบเต่า เท้าซ้ายเหยียบพญานาค เขาว่าสัตว์ทั้ง 2 ชนิดเป็นวิญญาณทิพย์วิญญาณที่จำศีล เอาเรื่องของจีนพระโพธิสัตว์กวนอิมยืนบนหลังมังกร พระถังซำจั๋งเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฏกต้องประสบเจอกับปีศาจร้าย ปีศาจที่บำเพ็ญบารมีมาหลายร้อยปีสามารถแปลงเป็นมนุษย์ได้ คนเขียนเรื่องนี้รู้หรือไม่ว่าเทวดาทั้งหลายบนเทวโลกไม่สามารถขึ้นไปบนพรหมโลกได้ แล้วนับประสาอะไรกับสัตว์เดรัจฉานทั้ง 2 ตัวจะขึ้นไปบนพรหมโลกเพื่อรับใช้ท่านท้าวมหาพรหมฯ พรหมมีฤทธิ์มากจะไปไหนมาไหนด้วยฤทธิ์ของท่านเองและไวกว่าเร็วกว่าที่สัตว์ 2 ตัวนั้นจะเป็นพาหนะให้ท่านไปเสียอีก เมื่อถึงเวลานี้จะบอกว่าเป็นพรหมด้วยกันแล้วแปลงร่างเป็นสัตว์ทั้ง 2 ตัวเพื่อคอยพาท้าวมหาพรหมเดินทางไปสถานที่ต่างๆด้วยฤทธิ์ของสัตว์ทั้ง 2 คงไม่ได้แล้วเพราะของเดิมเขียนไว้ว่าเป็นวิญญาณสัตว์จำศีล ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญเลยนะสัตว์เดรัจฉานไม่สามารถขึ้นไปเทวโลกได้และยิ่งไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปพรหมโลกด้วย เมื่อศึกษามากรู้มากจะได้ไม่หลงผิดไปตามความคิดคนอื่น
ในส่วนของสมเด็จพุฒาจารย์โต เขายังว่าเมื่อหลวงปู่โตละสังขารแล้วไปสถิตย์อยู่พรหมโลกชั้น 1 และขณะนี้ได้ขยับขึ้นไปอยู่พรหมโลกชั้นที่ 16 แล้ว และเป็นพระโพธิสัตว์ที่จะมาตรัสรู้สืบต่อจากหลวงปู่ทวดที่จะเป็นพระโพธิสัตว์ต่อจากพระศรีอาริยเมตไตร
ท่านรู้หรือไม่ว่าพรหมชั้นที่ 16 มีอายุประมาณ 16,000 มหากัป มันยาวนานมากเหลือเกิน ในโลกมนุษย์จะมีการเกิดการตายไม่รู้กี่หมื่นแสนล้านชาติ พรหมชั้นที่ 16 ก็ยังคงเสวยสุขต่อไปอีกนานแสนนาน พระโพธิสัตว์นานๆจะมาเสวยบุญชั้นพรหมสักครั้ง 2 ครั้ง และไม่อยู่พรหมชั้นสูง เพราะเสียเวลาบำเพ็ญบารมี ถ้าใครได้เคยศึกษาประวัติของพระพุทธเจ้าในสมัยที่เสวยพระชาติเป็นพระโพธสัตว์นั้น รู้สึกว่าจะเสวยพระชาติเป็นนารทพรหมหรือพรหมฤๅษี เพราะพระโพธิสัตว์ขณะเสวยพระชาติเป็นฤๅษีมีฌานแก่กล้าเมื่อละสังขารแล้วจึงมาบังเกิดบนพรหมโลก ด้วยวิสัยของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายจะไม่ติดสุขที่ไม่แท้จริงสุขบนเทวโลกหรือพรหมโลกก็ไม่เที่ยง ความสุขแท้จริงคือทำยังไงไม่ต้องกลับมาเกิดอีก จึงต้องขวนขวายบำเพ็ญเพียรสร้างบารมี ทั้งหมดทั้งมวลที่เขาเขียนไว้นั้นไม่สมเหตุสมผลเลย ท่านลองพิจารณาดูให้ดีและศึกษาให้มากจะเข้าใจได้เอง อ้าว! และขณะนี้สมเด็จโตอยู่ที่ไหนสำเร็จอะไร ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์จะเป็นอะไรไปได้
บางส่วนที่เขาเขียนไว้ครั้งแรก กับข้อมูลที่ข้าพเจ้ามาเขียนหักล้างกัน ขอท่านทั้งหลายพิจารณาให้ละเอียดและศึกษาด้วยครับ ไม่ใช่เชื่อเพราะเขาพูดอย่างนั้น เชื่อเพราะฟังตามกันมา แม้ในส่วนบทความของข้าพเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อทั้งหมด ถ้าตัวท่านเองยังไม่ได้เคยสัมผัสกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพลังพุทธานุภาพ ท่านเชื่อเรื่องพลังพุทธานุภาพหรือไม่เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงหรือไม่ ท่านเชื่อเรื่องอะไร ท่านห้อยพระเพราะอะไร ท่านปรารถนาได้ครอบครองพระสมเด็จแท้ๆเพราะอะไร ใช้วิจารณญาณในการพิจารณา
คนที่ไม่เคยศึกษาหรือรู้ความจริงมาก่อนก็จะหลงเชื่อข้อมูลอันแรกที่เขาเผยแพร่ออกมา อีกตัวอย่างหนึ่งที่มีคนเขียนถึงพระสมเด็จพิมพ์ยอดขุนพลพระสมเด็จในตำนานที่มีการปลุกเสก 99 ครั้ง สร้าง 99 องค์ มวลสารศักดิ์สิทธิ์มากมายโดยเฉพาะพระธาตุและเหล็กไหล ซึ่งในตัวอย่างที่เขานำเสนอนั้นไม่เห็นเหล็กไหลและพระธาตุ สิ่งเหล่านี้อยู่ตรงไหน อยู่ด้านในองค์พระหรือและได้เคยให้ใครที่มีความสามารถในการสัมผัสพลังหรือตรวจสอบทางด้านอื่นว่าพระที่เขานำเสนอนั้นพลังพุทธานุภาพก็เหมือนพระสมเด็จทั่วไปไม่มีความต่างเลย บางองค์พลังก็น้อยด้วย แต่พระสมเด็จพิมพ์ยอดขุนพลที่ข้าพเจ้ามานำเสนอนั้นพลังพุทธานุภาพทำให้แน่นอกปวดใจที่คนทั่วไปไม่สามารถสัมผัสพลังที่แรงมหาศาลได้ต้องรีบปล่อยหรือคลายสมาธิทันที สำหรับองค์นี้พิสูจน์ได้แต่ถ้าติดต่อมาไม่ได้บูชาก็ไม่ต้องลองให้เสียเวลานะครับ แต่คิดจะได้ไปครอบครองก็ต้องหาคนที่มีความสามารถสัมผัสพลังได้มาด้วย ไม่ต้องให้เซียนมาเพราะเซียนไม่รู้จัก
พระสมเด็จพิมพ์ยอดขุนพล ที่ปลุกเสก 99 ครั้งไม่มีพระพิมพ์ไหนมีพลังพุทธานุภาพเทียบได้ |
สำหรับพระสมเด็จที่สร้างปี พ.ศ. 2411 นั้นมีหลายองค์หลายพิมพ์ที่มีลงไว้ในหลายบทความของ ห้อยพระถูกโฉลก เข้าไปพิจารณาดูครับ
ตัวอย่างพระเครื่องที่สร้างปี พ.ศ. 2411
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น