พระกริ่งปทุมสุริยวงศ์ สมเด็จโตร่วมปลุกเสก

#พระกริ่งปทุมสุริยวงศ์ พิมพ์ถือบัวสมเด็จโตร่วมปลุกเสก
          ใครที่สงสัยเรื่องบทความที่ข้าพเจ้าเขียนได้ข้อมูลมาจากที่ไหนบ้าง และใครที่คิดอยากสัมผัสพลังขององค์พระก็ลองอ่านบทความนี้ดูก่อนครับ
       พระกริ่งที่สมเด็จพุฒจารย์โตร่วมอธิษฐานจิตมีหลายพิมพ์หลายวาระคนที่รู้จริงๆมีน้อยมาก ข้อมูลยิ่งไม่มีให้สืบค้นต้องอาศัยการสัมผัสองค์พระสำหรับท่านที่สามารถสัมผัสพลังและรับรู้ถึงญาณบารมีของผู้อธิษฐานจิต บางท่านรู้ว่าพระเครื่องแต่ละองค์นั้นมีคุณวิเศษทางด้านไหนบ้าง ซึ่งก็มีน้อยคนนักที่จะรู้ท่านเหล่านี้จะเป็นนักปฏิบัตินั่งสมาธิถือศีล สมาธิขั้นต่ำระดับอุปจารสมาธิจะทรงสมาธิได้นานกว่าขั้นขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ สงบจากอกุศลและนิวรณ์ทั้งหลายใกล้ระดับปฐมฌาน มีหลายคนอ่านบทความของข้าพเจ้าแล้วอยากจะสัมผัสพลังได้บ้าง บางคนอยากจะรู้ว่าพระเครื่องแต่ละองค์ท่านใดอธิษฐานจิตปลุกเสก ติดต่อเข้ามาหาข้าพเจ้าๆแนะนำเบื้องต้นไปว่าให้นั่งสมาธิให้มากๆและรักษาศีลด้วย พอข้าพเจ้าแนะนำอย่างนี้ไปคนพวกนี้หายเงียบไปหมด อยากได้แต่จะเอาง่ายๆไม่ปฏิบัติ การรักษาศีลคงจะเป็นเรื่องใหญ่ของคนพวกนี้ด้วย
        เมื่อไม่นานมานี้มีสหายธรรมท่านหนึ่งอยู่ทางเหนือได้ติดตามอ่านบทความของข้าพเจ้าและมีโอกาสได้คุยไลน์แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กัน อาจารย์ท่านนี้เรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์เรียนพระไตรปิฎกทางทฤษฎี และได้ปฏิบัติวิปัสนาสมาธิและเรียนวิชาพลังจักรวาล ท่านรู้พระเครื่ององค์ไหนมีคุณวิเศษอย่างไรบ้าง ท่านศึกษาปฏิบัติมามากทีเดียว แล้วคนที่อยากจะสัมผัสพลังพระรู้อย่างนี้แล้วสนใจที่จะฝึกจะเรียนบ้างหรือเปล่าหนอ
        เรื่องของข้าพเจ้า มีอาจารย์ท่านหนึ่งได้ปรับธาตุให้กับข้าพเจ้าและให้วิชาอะไรมาบ้างนั้นข้าพเจ้าไม่อาจรู้ได้เลย ท่านบอกว่าถึงเวลารู้เอง หลายครั้งที่สังเกตุได้ท่านจะมาแตะมือข้าพเจ้าเป็นส่วนใหญ่ วันนั้นรับวิชามาแล้วเดี๋ยวไม่นานมีอาการอวกแตก นานหลายปี ในวันหนึ่งข้าพเจ้ามีอาการเหมือนโลกหมุน คล้ายแผ่นดินไหวอ่อนๆแล้วตัวโคลงเคลงเป็นอยู่หลายครั้ง เมื่อไปถามท่านๆบอกว่าปรับธาตุให้ ลูกศิษย์คนอื่นที่อิจฉาข้าพเจ้าก็มี ยังเคยไปพูดใส่ความข้าพเจ้าๆถามท่านๆไม่ยอมบอก แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้ารู้เลยถามอาจารย์ว่า คนอื่นเขาว่าผมพอมีเงินมีทองก็ไปนั่งกินอาหารในห้างหรูๆ ก็เงินของผมไปเดือดร้อนอะไรใคร แล้วทุกวันนี้ผมซื้ออะไรมาถวายอาจารย์บ้างของโปรดของชอบของอาจารย์ทั้งนั้นและซื้อมามากกว่าคนที่เขาใส่ร้ายผมอีก ที่สำคัญนะอาจารย์ก็รู้ว่าผมทานมังสวิรัติมานานแล้ว จะไปนั่งทาน กุ้งพล่า ปลาเผา ยังไงกัน เหล้าผมก็ไม่แตะ พูดถึงเรื่องเหล้ามีลูกศิษย์ใหม่พาอาจารย์และคณะไปเที่ยวแถวป่าเมืองกาญฯ โดนของเข้าใส่มาเกือบทุกคน อาจารย์หนักกว่าเขาเพราะไปรับไปถ่ายจากลูกศิษย์คนอื่นเข้ามา ข้าพเจ้าไม่เป็นไรอาจารย์ท่านกันให้ ขณะนั่งรถกันมาใกล้ถึงสถานที่จุดหมายก็คุยกันมาตลอดทางมาช่วงหนึ่งท่านมาแตะที่มือข้าพเจ้า พอรถถึงที่หมายข้าพเจ้าก็อวกใหญ่เลย พวกที่โดนของที่เขาลองมาพวกนี้ส่วนใหญ่ทานเหล้ากันหมดข้าพเจ้าไม่ได้ทานเลยไม่โดนของและอาจารย์ท่านก็ช่วยป้องกันไว้ให้แล้ว แต่ในเวลานั้นก็รู้สึกเอะใจพิกลอยู่ คือเวลานั้นข้าพเจ้าก็จะเป่ายานัตถุ์ด้วย (ถวายปู่ฤๅษี หยุดเป่ายานัตถุ์มาหลายปีแล้ว) ครั้งนั้นเป่ายังไงก็ไม่ออกเอาขนไก่แยงออกแล้วนัดใหม่ไม่มีออก เวลานั้นก็ไม่เข้าใจว่าท่านมาเตือนอะไรหรือเปล่า ก็โดนกันไปเต็มๆลูกศิษย์แต่ละคนเสียงแหบเสียงแห้งไม่สบายกันถ้วนหน้า กลับมาบ้านอาจารย์หายดีแล้วก็ส่งของกลับไปให้คนทำฯ
        มีอยู่ครั้งหนึ่ง พี่ติ๋มที่รู้จักกันพาอาจารย์และข้าพเจ้ารวม 3 คนไปเที่ยวพระราชวังบางปะอิน เมื่อเดินเข้าไปข้างในทางด้านขวามือเราจะมีสระน้ำขนาดใหญ่มีพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ เป็นสถานที่ประดิษฐาน รูปหล่อสัมฤทธิ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ฉลองพระองค์เต็มยศจอมพลทหารบก เมื่อข้าพเจ้ายกมือไหว้พระองค์ท่าน ขนลุกมาทั้งตัวแรงมากไม่เท่านั้นกระแสพลังมากดที่กลางศีรษะด้วย(ยังไม่เคยปรากฏพลังอย่างนี้มากดที่กลางศีรษะอีกเลย) ถามอาจารย์ท่านบอกว่าก็เรียนวิชาของพระองค์ท่านด้วย อ้าว!ไปเรียนวิชาอะไรของท่านนะ อาการขนลุกจะมีตลอดขณะเดินอยู่ในสถานที่ของพระองค์ พี่ติ๋มที่มาด้วยกันถามอาจารย์ว่าข้าพเจ้าทำไมเป็นอย่างนี้มีอาการขนลุกตลอดกว่าจะเดินมาสิ้นสุดถึงพระนางเรือล่ม สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี คงใช้เวลานานอยู่ทีเดียว เมื่อมาถึงจุดนี้ยกมือไหว้พระองค์ อาการขนลุกก็หายไปทันที การสัมผัสกับญาณของพระองค์ท่านเต็มๆเป็นครั้งแรก ครั้งที่ 2 ในงานกินเลี้ยงปีใหม่ ข้าพเจ้าเดินออกมานอกบ้านแล้ว คุณลุงเจ้าของเรียกไว้และบอกว่าจะพาไปดูของดี เท่านั้นแหละครับขนลุกขึ้นมาทั้งตัวจากหน้าบ้านเข้ามา ทุกคนในบ้านต่างมองมาที่ข้าพเจ้าเป็นจุดหมายเดียวกัน ทั้งแขน คอและหัวขนตั้งเด่ข้าพเจ้าก็เดินขึ้นบันไดไปชั้น 2 ตามเจ้าของบ้านขนก็ยังลุกอย่างนั้นกระทั้งคุณลุงพามาที่พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 ดูเก่ามากๆ ข้าพเจ้าก็ก้มลงกราบพระองค์อาการขนลุกก็หายไปทันที มีพระเจ้าอาวาสวัดท่าสะเด็ดหรือท่าเสวยอะไรนี้ล่ะครับ ข้าพเจ้าจำไม่ค่อยได้ คือนานมาแล้วภรรยาของคุณลุงป่วยเป็นโรคอะไรไม่รู้พาไปรักษาที่ไหนก็ไม่หาย สุดท้ายมาพึ่งทางวัดและเจ้าอาวาสในสมัยนั้นได้ให้พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 มาบูชา ไม่นานอาการป่วยไข้ของคุณป้าก็หายเป็นปกติ และท่านก็ยังคงกราบไหว้บูชาพระองค์ท่านอยู่เป็๋นประจำ เจ้าอาวาสเล่าให้ฟังว่าครั้งหนึ่งที่รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสทางชลมารคและได้แวะพักที่ศาลาท่าน้ำของวัดนี้เพื่อเตรียมเสวยพระกระยาหารเมื่อเสวยเสร็จพระองค์ได้มอบพระบรมฉายาลักษณ์ให้ไว้กับทางวัดด้วยและต่อมาวัดนี้จึงมีชื่อใหม่ว่าวัดท่าสะเด็จ ก็ไม่รู้ว่าจะตรงกับเรื่องของวัดท่าสะเด็จอื่นๆหรือเปล่า ก็ 10 กว่าปีแล้วข้าพเจ้าอาจจำผิดก็ได้ แต่โดยเนื้อหาพอจำได้ คุณลุงและคนในบ้านคงจะมีความศรัทธาองค์ในหลวงรัชกาลที่ 5 เพิ่มขึ้นอีกเป็นอย่างมากที่เห็นอาการของข้าพเจ้าเป็นอย่างนั้น
         ต่อมาข้าพเจ้าได้ปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์ ศิระ วุฒิสาโร วันหนึ่งข้าพเจ้านั่งสมาธิที่บ้านพิจารณาธรรมที่อาจารย์สอนมาตัดสิ่งยึดมั่นถือมั่นในวิชาทั้งหลายที่ยังไม่รู้เลยว่ามีอะไรบ้างใช้ได้จริงหรือเปล่ารู้ไปก็ไม่สามารถพ้นทุกข์ได้ พิจารณากฎไตรลักษณ์ที่เรียนรู้กับพระอาจารย์ ตัดความลังเลสงสัยในคำสอนของพระพุทธองค์ แล้วข้าพเจ้าก็ปิดประตูนรกได้ มีนิมิตเกิดขึ้นขณะกำลังล้มตัวลงนอนมีน้ำทิพมนต์เย็นฉ่ำมาตกลงใจกลางฝ่ามือซ้าย มีการจุดพลุไฟสว่างไสวเหมือนงานเฉลิมฉลองวันพิเศษ และเมื่อข้าพเจ้ามาพบพระอาจารย์อีกใน 2 วันต่อมา พระอาจารย์ทักข้าพเจ้าเลยว่า ยินดีด้วยนะที่เธอปิดประตูนรกได้แล้ว ข้าพเจ้าก็ถามกลับไปว่าอาจารย์รู้ได้อย่างไรท่านบอกว่าวันก่อนนั้นจิดของเธอไปกระทบจิตของอาจารย์ ท่านเมตตาข้าพเจ้าได้ไม่นานท่านก็ปลีกวิเวกไปเจริญธรรมของท่นต่อไป แต่ข้าพเจ้าก็ยังคงไปมาหาสู่กับอาจารย์ท่านแรกอยู่จนกระทั่งท่านละสังขารไปแล้ว(อาจารย์พยนต์)
          ข้าพเจ้าตั้งใจที่จะเผยแพร่หลักธรรมถึงวิธีการปิดประตูนรกและได้เขียนบทความ นิพพานอยู่ไหน ขึ้นมาเผื่อมีใครอ่านแล้วจะพอเข้าใจวิธีการปิดประตูนรกได้บ้าง ก็ดูเหมือนว่าข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่ตรงนี้แล้วครูบาอาจารย์เบื้องบนคงไม่ตำหนิที่มีความรู้สามารถช่วยผู้อื่นได้แต่ไม่ทำ ก็ยังไม่มีสถานที่เหมาะสมท่านยังไม่ให้มา หลังจากเขียนบทความนิพพานอยู่ไหนก็คือ ก็ต้องเริ่มปิดอบายภูมิสี่ให้ได้เสียก่อนแต่ข้าพเจ้าเรียกวิธีปิดประตูนรกซึ่งน่าจะมีคนสนใจมากกว่าแต่นั้นแหละคงยังไม่ถึงเวลาต่อมาอ่านข้อมูลพระสมเด็จว่าทำไมเขาถึงตั้งราคาเช่าบูชาไว้สูงพระสมเด็จแท้ๆหน้าตาเป็นยังไงก็เปิดดูข้อมูลเว็บต่างๆ พยายามสังเกตุดูว่าสิ่งที่เขาให้ดูให้ศึกษาเป็นยังไง ดูไปเพ่งไป อะ! ร่างกายเริ่มมีปฏิกิริยากับพระสมเด็จก็ไม่ถึงกับต้องขนลุกซู่ขึ้นมา แต่ก็รับรู้ได้ในระดับหนึ่งจากนั้นมาก็เริ่มศึกษาพระสมเด็จในหลายเว็บ พอจะรู้เนื้อรู้พิมพ์บ้างแล้วก็ลองเดินตลาดดูบ้างก็ได้พระสมเด็จที่ถูกใจมาหลายองค์ก็สะสมมาเรื่อยๆและรู้จักสายหาพระหลายคน หาพระดีๆมาให้บอกแหล่งที่มาเป็นยังไง อย่างพระหลายๆชุดที่ได้มาสายบอกว่าได้มาจากไหน ข้าพเจ้าก็มั่นใจเลยพระชุดนี้แท้สายวัง การเดินตลาดบางครั้งก็ได้พระแปลกที่คนไม่ค่อยรู้จักมาบ่อยครั้ง เนื่องจากบางครั้งท่านส่งกระแสญาณมากระทบเช่น พระสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  พระสมเด็จพิมพ์ยอดขุนพล ขณะที่ข้าพเจ้าหยิบพระทั้ง 2 พิมพ์นี้คนขายมีอาการขนลุกตลอดเวลาเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มตามลิงก์ทั้ง 2 ได้ครับ เมื่อได้พระทั้ง 2 ชุดนี้ก็หาข้อมูลเพิ่มและอธิษฐานจิตถามพระสมเด็จพิมพ์ยอดขุนพลว่าเป็นพระสมเด็จที่สมเด็จโตอธิษฐานจิตปลุกเสก 99 ครั้งใช่หรือไม่ ซึ่งข้อมูลจะไม่ตรงกับของหลายคนที่นำมาเผยแพร่ ต่อมาสายของผมหาพระสมเด็จพิมพ์ยอดขุนพลมาให้อีกหลายองค์ๆพระสีขาวมีมวลสารพระธาตุและเหล็กไหลเต็มไปหมด ข้าพเจ้าจึงห้อยพระสมเด็จพิมพ์ยอดขุนพล 7 องค์ ขณะห้อยบูชาท่านมีการปรับธาตุในร่างกายอีกครั้งมีการโอนเอียงของร่างกายเหมือนแผ่นดินไหวเล็กน้อยจะเป็นอยู่หลายครั้งแต่ไม่แรงเท่าครั้งแรกเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ปัจจุบันก็ห้อยพระสมเด็จยอดขุนพล 5 องค์ สลับกับพระสมเด็จอีกองค์หนึ่งที่เหมือนกับที่หลายคนห้อยบูชาหรือนำมาโชว์ใน facebook แต่พลังของท่านแรงกว่าพระสมเด็จทั่วไปหลาย 100 เท่าและองค์ท่านก็ยังไม่อนุญาตให้โชว์ได้ในขณะนี้ 
         หลังจากนั้นก็ยังนั่งสมาธิอยู่แต่ไม่มากเข้มข้นเท่าที่ผ่านมา เมื่อปีที่แล้วมานั่งแบบเข้มข้นแต่เป็นการนั่งภาวนาไม่ได้พิจารณาเหมือนก่อนเพราะผ่านมาแล้วพอใจกับสิ่งที่ได้แล้ว ครั้งนี้นั่งภาวนาเพื่ออยากรู้อยากเห็นการติดต่อสื่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 30 วันแรกปฏิบัติจริงจังวันละ 3 ชม.แบ่งเป็นครั้งละ 1 ชม. การปฏิบัติครั้งนี้ 6 วันแรกชดใช้กรรมคืออธิษฐานภาวนาเสร็จก็นั่งท่องคาถาประจำตัว เริ่มปุ๊บก็เจ็บปวดไปทั้งตัวกระดูกก้นทั้ง 2 ข้างเจ็บระบมไปหมดเหมือนไม่มีอะไรมารองก้นเนื้อหนังไม่มีมีแต่กระดูกสัมผัสพื้น ช่วงขาก็เจ็บปวดดีแท้ก็พิจารณาไปว่าเราไม่ต้องไปใช้กรรมในนรกอีกแล้วเราปิดมันได้นานแล้ว ถ้าต้องตกนรกใช้กรรมสุดแสนจะทรมานยิ่งกว่านี้เจ็บปวดแค่นี้ไม่นานก็คงหายเพราะมันไม่เที่ยง 18 ชม.ที่ต้องนั่งใช้กรรม พอวันอื่นๆก็นั่งปกติไม่มีเจ็บปวดเหมือน 6 วันแรก นานๆทีกระแสพลังมากระทบตามร่างกายแล้วแต่ท่านจะมา ขาบ้าง แขนบ้าง หลังบ้าง ทั้งซ้ายและขวา ตาและหูจะเหมือนน้ำทิพย์เย็นๆมากระทบ ก็มีช่วงที่มีคนติดต่อขอบูชาพระบ้างหลายคนคุยกันเขาบอกว่ามีอาการขนลุก ข้าพเจ้าก็จับสังเกตุ คนที่คุยกับข้าพเจ้าแล้วมีอาการขนลุกบ้าง ร้อน เย็น ตอดแบบไฟดูด ฯลฯ ตัวข้าพเจ้าจะมีอาการก่อนแล้วแต่ไม่แรงแต่คนที่คุยด้วยนั้นจะสัมผัสแรง ก็ค่อยๆพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆอย่างที่เขียนไว้ในแต่ละบทความ เวลานี้ก็ยังคงนั่งสมาธิตามปกติวันละ 1 ชม. หรือมากกว่านั้นแล้วแต่โอกาสแต่ยังไม่สงบมีอะไรเข้ามากระทบให้อยากรู้อยากเห็นอีก ไม่กี่เดือนมานี้มีอาการเท้าลอยเกิดขึ้นเพิ่มมาอีก คือขณะที่เดินเหมือนเท้าไม่ได้แตะพื้นแต่มีอะไรมารองเท้าอยู่นิ่มๆบางครั้งทำให้จั๊กกะจี้เป็นอยู่หลายวันมากพยายามจะไม่สนใจมากให้หายไปเองหลายวันต่อมาก็หายไปเอง บางครั้งกระแสพลังมากลางศีรษะมาจี๊ดๆ กลางหน้าผากแรงมากบรรยายไม่ค่อยถูก การปฏิบัติสมาธิยังไม่หยุดยั้งคงปฏิบัติต่อไป ดูว่าจะมีอะไรมาเพิ่มหรือไม่ มีผลเปลี่ยนแปลงยังไงอาจจะมาบอกฯลฯ
        ได้สัมผัสญาณขององค์พระนเรศวรมหาราช แถวบ้านจะมีตลาดนัดมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายพระเครื่องอยู่หลายเจ้า ข้าพเจ้ามีเจ้าประจำที่เอาของดีๆมาให้บ่อยเมื่อก่อนเพื่อนเขาเอาของจากผู้ใหญ่อายุ 80 กว่ามาให้หลายอย่าง พระบูชา 3 สมัย พระสมเด็จหลากหลาย ไม้เท้าและไม้ตะพดที่เคยโชว์ใน facebook เวลานี้คนนี้หายหน้าไปหลายปีเพราะติดหนี้ข้าพเจ้าฝากบอกเพื่อนจะมาเคลียร์ก็ยังไม่มาสักที.. ต่อเรื่องพระนเรศวรฯ เจ้าประจำนำพระกริ่งมาให้ ข้าพเจ้าเห็นแล้วไม่ใช่ของสายหลวงปู่โตเลยไม่สนใจเท่าใด แม่ค้าพยายามพูดให้ข้าพเจ้าเอาไปให้ได้เขาบอกว่าเด็กฝากมาให้อาจารย์ เด็กที่ไหนไม่เคยรู้จัก กระแสพลังเริ่มมากระทบเบาๆก็เริ่มหยิบองค์พระมาส่องดู ด้านล่างองค์พระเห็นเป็นรูปพระนเรศวรหลั่งน้ำประกาศอิสรภาพ กระแสพลังคงมาเรื่อยๆ ท่านจะมาอยู่กับข้าพเจ้าหรือครับอธิษฐานถามไป ท่านมาโปรดจากนั้นมีทหารคนหนึ่งเขามาคุยและถามข้าพเจ้าว่า อาได้พระอะไรมา อ๋อ ได้องค์พระนเรศฯมา แค่นั้นล่ะทหารคนนี้ขนลุกขึ้นทั้งตัวและมีพ่อค้าอีกคนอยู่ใกล้ๆกันมีอาการขนลุกด้วย(พ่อค้าคนนี้ไม่มาอีกแล้ว ข้าพเจ้าเคยให้สัมผัสพระขุนแผนทรงพลใหญ่เนื้อวัดระฆังพอจับปุ๊บร้องเลย แรงมากไม่ไหวล่ะ) ในเวลานี้เท่ากับได้สัมผัสญาณของพระปิยะมหาราช รัชกาลที่ 5 พระเจ้าตากสินมหาราช พระนเรศวรมหาราช สามพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่


#พระกริ่งปทุมสุริยวงศ์ คราบเบ้าเดิมฝังแน่นที่องค์พระ คราบเบ้าที่พระพักตร์หลุดไปเกือบหมดมีบางส่วนยังติดอยู่

#พระกริ่งประทุมสุริยวงศ์ มองเห็นเนื้อในบางส่วนออกสัมฤทธิ์




         พระกริ่งปทุมสุริยวงศ์ 2 องค์นี้ได้มากจากเจ้าประจำที่เคยได้พระกริ่งปวเรศมาหลายพิมพ์ จึงมีข้อสมมุติฐานว่าพระกริ่ง 2 องค์นี้คงเป็นพระกริ่งที่สมเด็จโตร่วมปลุกเสก อธิษฐานจิตถามใช่พระกริ่งปทุมสุริยวงศ์ที่หลวงปู่โตร่วมปลุกเสก เคยนำไปโพสโชว์ใน facebook ก็ยังมีคนสงสัยมีข้อมูลหลักฐานมาจากที่ไหน ไม่มีใครเกิดทัน ใครจะอ้างอะไรก็ได้แต่จะมีเชื่อหรือไม่ ถ้าหากเป็นบุคคลมีชื่อเสียงหน่อยอาจจะมีคนเชื่อก็เป็นไปได้ ข้าพเจ้าก็บอกเขาว่ามีเวลาคุยกันมั้ย ข้าพเจ้าจะให้เขาอธิษฐานจิตถามกับองค์พระเลย เขาไม่กล้าที่จะพิสูจน์ด้วยวิธีนี้ ในขณะนั้นเองข้าพเจ้าก็เลยส่งรูปให้ลูกศิษย์คนหนึ่งสัมผัสดู กระแสพลังค่อยๆมาขนลุกทั้งตัวหัวยันขา ข้าพเจ้าถามไปว่าได้อธิษฐานถามว่าหลวงปู่โตได้ร่วมปลุกเสกพระกริ่งองค์นี้มั้ย แค่นั้นแหละเขาขนลุกซู่เลย ต่อมาเขาก็ส่งพระมาให้ข้าพเจ้าพิจารณาเป็นพระของหลวงปู่เอี่ยมผู้ใหญ่ให้มาอีกทีแต่ไปให้เซียนดูเซียนไม่รู้จัก บางคนบอกว่าเป็นของหลวงปู่ผล ข้าพเจ้าก็ให้เขาอธิษฐานถามเลย พระองค์นี้หลวงปู่เอี่ยมปลุกเสกหรือไม่เขาก็มีอาการขนลุกขึ้นมา คงจะใช่ไม่มีปัญหา แต่เพื่อความแน่ใจเขาเลยอธิษฐานต่อว่า พอถามว่าหลวงปู่ผลเป็นคนสร้างหรือไม่ ถ้าใช่ให้ลุกแรงกว่านี้ จู่ๆพลังก็ลดลงแล้วไหลออกไปทางด้านหลังศรีษะแล้วขนก็หยุดลุกครับ ตามที่ข้าพเจ้าบอกการอธิษฐานถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำองค์พระ คำตอบที่ใช่จะมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าคำตอบไม่ใช่อาการก็จะไม่มี การที่จะถามอะไรต้องมีข้อสมมุติฐานแล้วค่อยถาม ถ้าไม่มีเลยแล้วเดาสุ่มก็เสียเวลาเปล่ากว่าจะได้คำตอบที่ถูกต้อง เรื่องอย่างนี้มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ คนที่สัมผัสไม่ได้จะไม่ค่อยเชื่อคนพวกนี้จะยกจะอ้างตำราหลักฐานที่สืบค้นได้ คนประเภทนี้ข้าพเจ้าให้เขาลองอธิษฐานจิตส่วนใหญ่ไม่กล้าก็เป็นเรื่องของเขา ไม่จำเป็นต้องทอดสะพานให้ คนเรามีความเชื่อความศรัทธาและประสบการณ์ที่ต่างกัน บางคนยึดติดว่าตัวเองเป็นผู้ทรงความรู้เป็นอาจารย์ ไม่ต้องคุยด้วยเสียเวลาไม่มีประโยชน์ที่จะให้เขายอมรับ เขาจะเชื่อหรือไม่ก็ไม่มีผลในสิ่งที่เรารับรู้ 
      คนที่สนใจและศรัทธาจริงหรืออยากได้ไปบูชาข้าพเจ้าจะให้เขาอธิษฐานจิตถามเองรู้เอง สัมผัสและกระทบกระแสญาณของสิ่งศักดิ์เอง ข้าพเจ้าเป็นคนเชื่อมหรือตัวกลางให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ผ่านกระแสญาณของท่านมาหาข้าพเจ้าแล้วถูกปรับคลื่นให้ตรงกับของคุณ (เหมือนตัวเแปลงไฟฟ้าจากระบบหนึ่งไปอีกระบบหนึ่ง)ส่วนที่จะเชื่อหรือไม่นั้นแล้วแต่เขาพิจารณา ระยะทางเป็น 1,000 กิโลเมตรก็ยังสัมผัสได้ มีเหตุผลอะไรที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อเพราะอะไร ก็ต้องไปพิจารณากันเอง



         



         



ความคิดเห็น