#พระสมเด็จวัดระฆัง เนื้อข้าวเหนียว N-04 |
คนที่ตามอ่านบทความของข้าพเจ้าจะสังเกตุได้ว่าข้าพเจ้านำพระมาลงรูปให้เห็น ข้าพเจ้าไม่ได้สอนวิธีดูพระว่าเป็นยังไง แต่จะชี้ให้เห็นว่าในพระแต่ละองค์มีอะไรบ้าง ไม่ได้บอกตำหนิของพระแท้อยู่ตรงไหน พิมพ์ทรงตามหลักมาตราฐานทั่วไป ไม่เอาอย่างเซียนห้าง เมื่อก่อนข้าพเจ้าศึกษาพระก็ตามตำราบ้างตามคนอื่นบ้าง แต่เมื่อศึกษาเพิ่มขึ้นก็เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ข้าพเจ้าไม่ได้ซื้อตำราของท่านอื่นมาศึกษาเพื่อจดจำแม่พิมพ์มากมาย 100 กว่าพิมพ์(พิมพ์นิยม 5 พิมพ์)ไม่ได้อ้างอิงตามตำราที่เขาเขียนโดยตรงและอ้างชื่อผู้เขียนผู้รวบรวม หรือลอกข้อความมาทั้งหมด บทความของข้าพเจ้าก็เคยถูกไปอ้างอิงบ่อยครั้ง บางคนลอกไปแบบไม่คิดคือพระของเขากับพระของข้าพเจ้าคนละพิมพ์กัน แต่อย่างไรข้อมูลเหล่านี้ก็เป็นแนวทางให้ศึกษาและเป็นสมมุติฐานที่จะอธิษฐานจิตถามองค์พระเพราะถ้าไม่มีสมมุติฐานเลยก็ยากที่จะหาความจริงได้ง่ายๆ(นอกจากสามารถติดต่อพูดคุยและสนทนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำองค์พระได้ ท่านคงจะบอกรายละเอียดที่เราอยากรู้ได้ คงต้องมีความสามารถในระดับญาณขั้นสูงฯ) ข้าพเจ้าศึกษาจากเว็บไซด์ต่างๆ เมื่อการปฏิบัติสมาธิพัฒนาดีขึ้น หลายเรื่องไม่มีในตำราแต่สามารถสัมผัสกับพลังญาณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระสมเด็จนอกตำราหลายพิมพ์หลายองค์สัมผัสดีกว่าพระสมเด็จทั่วไป บุญสร้างง่ายกว่าการสร้างบารมี บุญใช้ไปก็หมดไปเรื่อยๆต้องคอยเติมบุญอยู่ตลอดเหมือนการทานข้าวทานหมดแล้วก็ต้องหามาเพิ่มใหม่จะเป็นการหาวันต่อวันหรือหาและสะสมเป็นเสบียงไว้ใช้ทั้งปีทั้งชาติหรือชาติต่อๆไป บารมีสร้างยากกว่าบุญและสะสมไปเรื่อยๆจนกว่าจะบรรลุธรรม พยายามอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ รู้ไว้บ้างก็ดีพิจารณาให้เข้าใจ
พระโพธิสัตว์มี 3 ประเภท
1.ปัญญาธิกะโพธิสัตว์ สร้างพระบารมีนับแต่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้วไปได้ 4 อสงไขยกับเศษแสนกัป
2.สิทธิกะโพธิสัตว์ สร้างพระบารมีนับแต่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้วไปได้ 8 อสงไขยกับเศษแสนกัป
3.วิริยาธิกะโพธิสัตว์ สร้างพระบารมีนับแต่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้วไปได้ 16 อสงไขยกับเศษแสนกัป
แต่ก่อนที่ยังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์นั้นต่างกันคือ ปัญญาธิกะโพธิสัตว์ สร้างบารมีด้วยนึกในใจว่า เราจะเป็นพระพุทธเจ้านั้น 7 อสงไขย นับแต่ออกปากปรารถนาว่าขอให้เราเป็นพระพุทธเจ้านั้น 9 อสงไขย นับแต่ได้รับพุทธพยากรณ์อีก 4 อสงไขยกับแสนกัป รวมเป็น 20 อสงไขยแสนกัป (สิทธิกะโพธิสัตว์ 40 อสงไขยกับแสนกัป วิริยาธิกะโพธิสัตว์ 80 อสงไขยกับแสนกัป) แต่ก่อนที่ยังไม่ได้ปรารถนาอะไรเลยยังคงเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารนานแสนนานไม่รู้กี่ล้านๆๆๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆชาติฯ
บางทีรู้ไว้เพื่อให้เข้าใจว่าการสร้างบารมีนั้นมันใช้เวลานานมากและผ่านอะไรต่อมิอะไรมากมาย ลองไปอ่านเรื่องพระเจ้า 10 ชาติ พระเจ้า 500 ชาติอาจพอเข้าใจได้บ้าง บางอย่างเกินความรู้ความสามารถของเราก็ไม่ต้องกังวลติดใจ เพราะพุทธสาวกสร้างบารมีเพียงแสนกัปเท่านั้นเอง แล้วแสนกัปมันนานแค่ไหน นานมากนานจนลืมไปว่ามันกี่ภพกี่ชาติแล้ว( ระยะเวลา 1 กัป ประมาณว่าภูเขา 1 ลูกกว้างxยาวxสูงข้างละ 1 โยชน์ ในทุกๆ100 ปีเทพธิดาเอาผ้าแพรเนื้อดีมาสัมผัสหรือปัดเบาๆ 1 ครั้ง ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าภูเขาลูกนั้นจะราบเรียบเสมอกัน)
บารมี 10 ทัศ
- 1. ทานบารมี บำเพ็ญด้วยการให้สิ่งที่ควรให้
- 1.1 ทานที่บำเพ็ญโดยสถานประมาณเป็นปกติธรรมดา บริจาคธนสารทรัพย์สมบัติน้อยใหญ่ ถึงแม้จะมากมายเพียงใดก็ดี จัดเป็นบารมีประเภทธรรมดา เรียกชื่อว่า “ทานบารมี”
- 1.2 ทานที่บำเพ็ญยิ่งขึ้นไปกว่านั้น คือ ถึงกับบริจาคอวัยวะเลือดเนื้อในร่างกาย จัดเป็นพระบารมีประเภทมัชฌิมาปานกลาง เรียกชื่อว่า “ทานอุปบารมี”
- 1.3 ทานที่บำเพ็ญยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีก คือถึงกับต้องบริจาคชีวิตให้เป็นทาน นับเป็นการบริจาคอย่างใหญ่หลวงอุกฤษฏ์ นี้จัดเป็นพระบารมีประเภทสูงสุดอย่างยิ่ง เรียกชื่อว่า “ทานปรมัตถบารมี”
- 2. ศีลบารมี บำเพ็ญศีลให้ครบบริบูรณ์
- 3. เนกขัมมบารมี การออกจากกามซึ่งต้องบำเพ็ญให้ถึงที่สุด
- 4. ปัญญาบารมี บำเพ็ญด้วยการไต่ถามจากผู้รู้
- 5. วิริยบารมี บำเพ็ญด้วยการทำความเพียรอย่างถึงที่สุด
- 6. ขันติบารมี บำเพ็ญด้วยการอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด
- 7. อธิษฐานบารมี บำเพ็ญด้วยการตั้งจิตไว้ให้มั่นคง
- 8. สัจบารมี บำเพ็ญด้วยการรักษาวาจาสัตย์อย่างถึงที่สุด
- 9. เมตตาบารมี บำเพ็ญด้วยการมีเมตตาอย่างถึงที่สุด
- 10. อุเบกขาบารมี บำเพ็ญด้วยการวางเฉย คือมีใจเสมอกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี ไม่ว่าจะมีลาภหรือเสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์
บารมีขั้นต้น ท่านผู้นี้จะเก่งเฉพาะทาน กับ ศีล แต่การรักษาศีลของบารมีขั้นต้นจะไม่ถึงศีล 8 และจะยังไม่พร้อมในการเจริญพระกรรมฐาน กำลังใจไม่พอ อาจจะไม่ว่างพอหรือเวลาไม่มี
อุปบารมี เป็นบารมีขั้นกลาง พร้อมที่ทรงฌานโลกีย์ ท่านพวกนี้จะพอใจการเจริญพระกรรมฐาน และทรงฌาน แต่ยังไม่ถึงขั้นวิปัสสนา ยังไม่พร้อมที่จะไปและไม่พร้อมที่จะยินดีเรื่องพระนิพพาน พร้อมอยู่แค่ฌานสมาบัติ
ปรมัตถบารมี ในอันดับแรกอาจจะยังไม่มีความเข้าใจในเรื่องนิพพาน พอสัมผัสวิปัสสนาญาณขั้นเล็กน้อย อาศัยบารมีเก่า ก็มีความต้องการพระนิพพาน จะไปได้หรือไม่ได้ในชาตินี้นั้นไม่สำคัญ เพราะการหวังนิพพานจริง ๆ ต้องหวังกันหลายชาติจนกว่าบารมีที่เป็นปรมัตถบารมีจะสมบูรณ์แบบ
อธิษฐานบารมี หมายถึง การที่ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ จิตตั้งมั่นต่อคำอธิษฐาน
การสร้างบารมีใช้เวลาสะสมนานมากแล้วแต่กำลังของพระโพธิส้ตว์แต่ละประเภท จะไม่เจอคำว่าพระโพธิสัตว์สร้างบุญไว้อย่างนั้นอย่างนี้ พระเครื่องที่ข้าพเจ้านำเสนอและมีคนติดต่อมาเพื่อขอบูชาบ้างเพื่อขอทราบข้อมูลบ้าง ข้าพเจ้าจะให้เขาเหล่านั้นอธิษฐานจิตถามต่อองค์พระที่เขาสงสัยเลยว่า พระองค์นี้หลวงปู่โตร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกหรือไม่ ที่ใช้คำว่าร่วมปลุกเสกเพราะพระบางองค์มีอทิสมนกายของพระพุทธเจ้าบ้างพระอรหันต์บ้างพระเกจิอาจารย์ดังมาร่วมปลุกเสกด้วย ต้องมีข้อมูลหรือสมมุติฐานที่ค่อนข้างแน่นอนแล้วอธิษฐานถามองค์พระตามที่เราอยากจะรู้ สุดท้ายก็ถามว่าพระองค์นี้ถูกโฉลกกับตัวเขาหรือไม่ บางคนพอสัมผัสได้แล้วขณะที่คุยกับข้าพเจ้าก็จะบอกว่าเขาสวดมนต์ทุกวันสวดคาถาชินบัญชร ถ้าเขาสัมผัสได้แต่แรกก็คงไม่ต้องมาถามข้าพเจ้าแล้วล่ะ บอกคนสงสัยบางคนไม่สงสัยเรื่องนี้ต้องสัมผัสด้วยตัวเองถึงจะรู้
ผู้ทรงอภิญญาสมาบัติแสดงอิทธิปาฏิหารย์เหนือความรู้ความเข้าใจของบุคคลทั่วไปได้ คือเป็นเรื่องอจิตไตย พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อและพิมพ์เดียวกันครกเดียวกันพลังพุทธานุภาพก็ต่างกันได้ พลังพระลดได้เพิ่มได้
พลังพระลดลงเกิดจากการไม่รู้ไม่เข้าใจไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำองค์พระ เช่นเข้าไปในสถานที่อโคจร ซึ่งบางแห่งก็เข้าไปได้แต่ความหมายที่ตรงที่สุดคือสถานที่หญิงขายบริการทางเพศ เรื่องจริงมีอยู่ว่า ลูกชายของอาจารย์ถูกลูกพี่ลูกน้องชวนไปเป็นเพื่อน ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ไปใช้บริการผู้หญิงขายบริการในโรงแรม ลูกชายอาจารย์นั่งคอยอยู่ข้างนอก เมื่อเวลาผ่านไปนานแล้วลูกพี่ลูกน้องคนนี้ยังไม่ออกมาลูกชายอาจารย์ก็เข้าไปตามในโรงแรมแต่พอเดินผ่านหน้าประตูไปเท่านั้น เป๊ะ! เสียงไม้แตกลั่นเป็นปลัดขิกที่ห้อยไปแตก ลูกชายอาจารย์โทรไปหาท่านๆบอกให้รีบกลับบ้านทันที นี่ ไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าไปใช้บริการเพียงแต่จะไปตามคนเท่านั้นนะ ถ้าห้อยพระเครื่องเข้าไปจะเป็นยังไงยังไม่มีใครมาบอกว่าพระจะพลังลดลงหรือเสื่อมไปเลย บางท่านบอกว่าเพชรยังไงก็เป็นเพชรๆแข็งแต่ก็เปราะหักได้ กลับมาดูสถานที่อโคจร นัยที่หนึ่งแปลว่า สถานที่อันไม่ควรเข้าไป บุคคลที่ไม่ควรไปมาหาสู่อโคจรที่ระบุไว้มี 6 คือ หญิงแพศยา (หญิงขายบริการทางเพศ) หญิงม่าย สาวเทื้อ( สาวทึนทึก สาวแก่ที่ยังไม่ได้แต่งงาน ) ภิกษุณี บัณเฑาะก์ (กะเทย) ร้านขายสุรา คือเมื่อไปสถานที่ที่ไม่ควรไปจะทำให้เป็นอันตรายแก่พรหมจรรย์ และทำให้อกุศลธรรมเจริญขึ้น เมื่อท่านห้อยพระเครื่องเข้าไปสถานที่อโคจร พระสงฆ์องค์เจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหาะหนีไปหมด เมื่อท่านไปแล้วไปเลยไม่ใช่ท่านมารออยู่ข้างนอกนะเมื่อคุณไปหลบหลู่ท่านๆจะอยู่กับคุณหรือพิจารณากันเองครับ พระเครื่องที่ผ่านการประกวดมาแล้วพลังจะลดลงเนื่องจากคุณและคณะกรรมทัั้งหลายทำการลบหลู่องค์พระพุทธ(คิดแบบคนที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาจริงๆ ปฏิบัติธรรมเพื่อการหลุดพ้น) สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่อยู่ด้วย คนที่นำพระเครื่องไปประกวดส่วนใหญ่หวังเงินทอง เพราะคิดว่าถ้าพระเครื่องของตัวเองติดรางวัลใดรางวัลจะทำให้พระเครื่องของตัวเองเพิ่มมูลค่าในการแลกเปลี่ยนซื้อขาย เขาไม่ได้สนใจว่าพระเครื่องของตัวเองจะมีพลังพุทธานุภาพถดทอยน้อยลง ยังมาคุยอีกว่านับถือและศรัทธาต่อองค์ หลวงปู่ หลวงพ่อ องค์นั้นองค์นี้ แบบนั้นแบบนี้ ลองไปถามพระสายปฏิบัติดูว่าท่านจะคิดอย่างไร ส่วนพระสงฆ์ที่นำพระไปเข้าประกวดด้วยยิ่งไม่น่าเลื่อมใสศรัทธาเป็นพระประเภทบวชผลาญข้าวสุก(ดังคำโบราณว่า บวชเล่น บวชลอง บวชครองประเพณี บวชหนีทหาร บวชผลาญข้าวสุก บวชสนุกตามเพื่อน บวชเปื้อนศาสนา บวชฆ่ากิเลส บวชเพื่อเป็นเปรตในอบายภูมิ บวชรอไปขุมนรก) เขาเหล่านี้ไม่มีปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง คนมีปัญญาถึงจะเข้าใจเรื่องนี้ดี
พลังพระเพิ่มขึ้นได้เนื่องจากเจ้าของพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแผ่ส่วนบุญกุศลไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือให้ท่านร่วมอนุโมทนาบุญกับเจ้าของพระที่ได้สร้างไว้กระทำไว้ พลังพระก็เพิ่มขึ้นได้ ถ้ารักษาศีลให้มั่นคงพลังก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีกมากฯ
#พระสมเด็จวัดระฆัง เนื้อข้าวเหนียว N-05 |
#พระสมเด็จวัดระฆัง เนื้อข้าวเหนียว N-06 |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น