พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5


     เรื่องเล่าจากอาจารย์
   ในสมัยรัชกาลที่ 5 สยามประเทศยังคงมีโหรหลวงที่มากด้วยความสามารถท่านหนึ่ง ทำนายทายทักได้แม่นยำมากที่คอยรับใช้พระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 ครั้งหนึ่งขณะที่พระพุทธเจ้าหลวงทรงพระราชดำเนินชมราชอุทยานไปตามทางคล้ายสะพานที่มีหลังคากันแดดกันฝน ขณะทรงพระราชดำเนินอยู่นั้นได้มีหนูตกลงมาจากเพดานด้านบน พระองค์ทอดพระเนตรเห็นแล้วรีบเอาพระมาลาครอบไว้ทันทีไม่ทันที่หนูจะวิ่งหนีไปได้ จากนั้นมีรับสั่งให้มหาดเล็กไปตามโหรหลวงมา เมื่อโหรหลวงมาถึงพระองค์ก็ตั้งคำถามทันทีเลยว่า ในพระมาลาใบนี้มีอะไรอยู่ โหรหลวงก็หยิบกระดานชนวนออกมาและขีดๆเขียนๆอยู่สักพักหนึ่ง จึงกราบบังคมทูลว่า ข้างในพระมาลานั้นมีหนูอยู่ 3 ตัว พระองค์ทรงแย้มพระสรวลและตรัสว่าคราวนี้เห็นทีท่านคงต้องเผาตำราทิ้งแล้วมั้ง แล้วพระองค์ก็ทรงหยิบพระมาลาออก ปรากฎว่ามีหนู 3 ตัวอยู่ในนั้น ความจริงหนูที่ตกลงมามันท้องแก่แล้ววิ่งไว้ค่อยไหว ขณะที่ไปตามโหรหลวงมานั้นหนูท้องแก่ก็คลอดลูกออกมาอีก 2 ตัว ตำราโหราสาสตร์ที่โหรหลวงเรียนนั้นเป็นตำราของรัชกาลที่ 4 ซึ่งคนไทยส่วนมากจะรู้ว่าพระองค์เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์เป็นอย่างมากคำนวนการเกิดสุริยุปราคราเต็มดวงที่ ตำบลหว้ากอได้อย่างแม่นยำ ด้านโหราศาสตร์ท่านก็เชี่ยวชาญด้วยเช่นกันแต่น้อยคนที่จะรู้ โหรหลวงท่านนี้เป็นตาของอาจารย์ข้าพเจ้าท่านว่ามาอย่างนั้น และตำราโหราศาสตร์นี้ได้ตกทอกมาถึงหลวงปู่เมฆ แห่งวัดลำกระดาน และคนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้อีกว่าหลวงปู่เมฆชำนาญด้านโหราศาสตร์ ต่อมาได้มีทหารชั้นประทวนท่านหนึ่งมาศึกษาสืบทอดต่อไป ผู้ศึกษาไม่สามารถเรียกเงินเรียกทองได้ทำตัวเหมือนยาจกนุ่งกางเกงขาก๊วยไม่ใส่เสื้อ ทหารท่านนี้เคยไปพบกับอาจารย์ของข้าพเจ้า ครั้งแรกที่เจอกันท่านก็ทักเลยว่าเรียนตำราโหรมาจากหลวงปู่เมฆหรือ อาจารย์ก็เป็นญาติกับหลวงปู่เมฆด้วยอาจารย์แวะไปหาหลวงปู่เมฆทีไรก็จะจับผีในป่าช้ามาใช้โน้นใช่นี้โดนหลวงปู่เมฆว่าทุกครั้ง เรื่องที่จำได้เรื่องตำราโหรมีอยู่แค่นี้
     หมากรุกกินเมือง หมากรุกทำด้วยงาของอาจารย์ได้หายไประหว่างการย้ายบ้าน ไม่รู้ใครโขมยหรือตกหล่นที่ไหน อาจารย์ท่านว่าได้รับตกทอกมาจากคุณตาของอาจารย์ซึ่งได้มาจากพระพุทธเจ้าหลวงอีกที ท่านบอกว่าประเทศไทยเราพ้นเป็นเมืองขึ้นต่างชาติเพราะการเดินเกมหมากรุกของพระพุทธเจ้าหลวง ยอมตัดแขนซ้ายแขนขวา สละดินแดนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาแม่น้ำโขงเพื่อยังมีชิวิตอยู่ได้ คือไม่เป็นเมืองขึ้นของต่างชาติท่านจึงเรียกหมากรุกชุดนี้ว่า หมากรุกกินเมือง และในสมัยพระเจ้าตากสินมหาราชก็มีการใช้ยุทธวิธีหลอกล่อพม่าหลายชั้นให้ตายใจแล้วตีตลบจนได้ชัยชนะ นัยว่าเป็นการเดินหมากทีแยบยลของพระเจ้าตากสินมหาราชฯ
      เพื่อนต้น พระพุทธเจ้าหลวงมีพระสหายหลายคน มีพระสหายอยู่ประเภทหนึ่งคือคนที่มีวิชาอาคม พระองค์ท่านจะศึกษาแลกเปลี่ยนวิชากับคนเหล่านี้ ครั้งหนึ่งอาจารย์เล่าให้ฟังว่า พระพุทธเจ้าหลวงกับพระสหายที่มีวิชาได้ล่องหนหายตัวชกกันบนกำแพงป้อมที่ไหนสักแห่ง(นานแล้วจำชื่อไม่ได้)ชกกันอุตลุดไม่มีใครแพ้ใครชนะ จริงเท็จอย่างไรเกิดไม่ทัน อาจารย์เล่าให้ฟังอย่างนั้นเลยนำมาบอกเล่าให้รู้ พระมหากษัตริย์ไทยในสมัยนั้นมีพระปรีชาสามารถหลายแขนง บางเรื่องก็ไม่มีการเปิดเผย
     หนวดกูงาม " หนวดของกูเสกใส่ช้าง ช้างก็ชน
                           เสกใส่คน คนก็สู้ เสกใส่ชู้ ชู้ก็ฮัก
                           เสกใส่หญิงชายทุกคน คนก็รักถ้วนหน้า
                           ช้างม้าวัวควายหายกูก็ตามได้
                           หนวดกูนี้เสกไปทั้งหญิงชาย....
                           .................................................."
      คาถาบทนี้จะเป็นของพระพุทธเจ้าหลวงที่เคยใช้หรือเปล่าพิจารณากันเองครับ

ความคิดเห็น