ต่อจากนี้จะเป็นการลำดับรายชื่อย่อๆ ในส่วนหนึ่งของพระฤๅษีในแต่ละชั้น จะแบ่งแยกเป็นชั้นๆดังต่อไปนี้
1.พระฤๅษีชั้นพรหม พระฤๅษีในชั้นพรหมนั้นมีรายชื่อดังต่อไปนี้ พระฤๅษีพรหมเมศร์ พระฤๅษีพรหมมาพระฤๅษีพรหม มุนี พระฤๅษีพรหมนารถ พระฤๅษีพรหมวาลมีกิ เป็นต้น
2.พระฤๅษีชั้นเทพ พระฤๅษีชั้นเทพนั้นมีรายชื่อดังต่อไปนี้ พระฤๅษีบรมโกฏิ พระฤๅษีประลัยโกฏิ พระฤๅษีนารอด พระฤๅษีนารายณ์ พระฤๅษีนาเรศร์ พระฤๅษีอิศวร พระฤๅษีพิฆเนศ พระฤๅษีเพชรฉลูกัณฑ์ พระฤๅษีปัญญาสด พระฤๅษีตาไฟ พระฤๅษีหน้าวัว พระฤๅษีหน้าเนื้อ พระฤๅษีปัญจสิขร (หรือพระประคนธรรพ)บางทีเรียกว่า พระประโคนทัพ) เป็นต้น
3.พระฤๅษีชั้นมนุษย์ พระฤๅษีชั้นมนุษย์ก็มีมากมายเช่นเดียวกัน เช่น พระฤๅษีโกเมน พระฤๅษีโกเมท พระฤๅษีโกมุท พระฤๅษีสัตตบุตร พระฤๅษีสัตบัน พระฤๅษีสัตบงกช พระฤๅษีโคบุตร พระฤๅษีโคดม พระฤๅษีสมมิตร พระฤๅษีลูกประคำ เป็นต้น
4.พระฤๅษีชั้นอสูร พระฤๅษีชั้นอสูรก็มีตามรายชื่อดังนี้ ท่านท้าวคีรีเนศร์ ท่านท้าวเวสสุวัณ ท่านท้าวหัสกัณฑ์ ท่าน ท้าวหิรัญฮู พระฤๅษีพิลาภ พระฤๅษีพิรอด ท้าวพลี หิรัญยักษ์ อนันตยักษ์ วาณุราช วาหุโลม เป็นต้น
ในบรรดากลุ่มพระฤๅษีที่มีชื่อแยกออกไป ก็ยังมีความหมายต่างๆกัน เช่น
1.พระสิทธา แปลว่า พระฤาคี ประเภทมีคุณธรรมวิเศษ มีหลักฐานมั่นคง ที่สถิตสถานมีวิมานอยู่บนเทือกเขาและถ้ำ ตามแต่ว่าจะเห็นสมควรในความสะดวกสบายอยู่ในระหว่างพระอาทิตย์ลงมาสู่พื้นแห่งโลกมนุษย์โดย กำหนด
2.พระโยคี แปลว่า เป็นผู้ที่มีความสำเร็จ หรือผู้ที่กำลังศึกษาสังโยค ในด้านหลักวิชาโยคกรรม มักจะเที่ยว ทรมานตนอยู่ตามเทือกเขาและป่าตามความเหมาะสมในความสันโดษ ที่จะมีและเท่าที่จะเห็นว่าสมควร
3.พระมุนี แปลว่า ในกลุ่มพราหมณ์ที่มีความพยายาม กระทำกิจพิธีบำเพ็ญด้วยความพากเพียร มุมานะ พยายามจนกระทั่งพบความสำเร็จ จึงกลายเป็นผู้ที่มีปัญญาและมีความรู้ความสามารถอยู่ในระดับสูง
4.พระดาบส แปลว่า ผู้บำเพ็ญตนสร้างบารมี มุ่งมั่นในตบะธรรมที่คิดว่าจะเผาผลาญกองกิเลสให้หมดสิ้นไป ใช้ความพยายามพากเพียร พยายามมุ่งแต่ในทางทรมานร่างกายและจิตใจ เพื่อมุ่งหวังในโล
กุตตรสุขที่เป็นผล แห่งบารมี
กุตตรสุขที่เป็นผล แห่งบารมี
5.ชฎิล แปลว่า นักพรตจำพวกหนึ่ง ที่ชอบเกล้ามุ่นมวยผมเป็นแบบชฎาเอาไว้ หนวดเครารกรุงรังราวกับคน บ้า ทั้งผ้าที่นุ่งห่มก็รุ่มร่าม ไม่ชอบในการรักสวยรักงาม ทำตนเป็นพราหมณ์รอนแรมอยู่ตามป่าดงพงไพร
6.นักสิทธิ์ แปลว่า เป็นผู้ทรงศีลที่กึ่งมนุษย์กึ่งเทพ หรือเทวดา พวกนี้มักจะรักสัจจะวาจา มีความเที่ยงธรรม เป็นที่ตั้งชอบช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอๆ มีที่อยู่อาศัยอยู่ในระหว่างกลางที่ว่างเปล่าและบริสุทธิ์ วัดระยะตั้งแต่ดวงอาทิตย์ลงมาจนกระทั่งถึงโลกมนุษย์ พวกนี้มีอยู่กันเป็นจำนวนมากมายหลายแสนองค์เที่ยว ตระเวนไปในที่ต่างๆ เพื่อที่จะสอดส่งหาทางลงมาช่วยเหลือมวลมนุษย์
7.นักพรต แปลว่า เป็นผู้ที่ปฏิบัติดีเคร่งครัดในการปฏิบัติ ทรงศีลอันประเสริฐมิยอมให้ศีลบกพร่องแต่ประการ ใด ตั้งใจบำเพ็ญพรต บำเพ็ญตบะ เพื่อที่จะเสริมสร้างบารมีให้มากๆ อยู่ประจำ ชอบสถิตย์อยู่ตามป่าเขาลำเนา ไพร และตามถ้ำหน้าผา มักไม่ยอมให้ผู้ใดได้พบเห็น มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายแต่มีอิทธิฤทธิ์มาก
8.พราหมณ์ แปลว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับฤๅษีเหมือนกัน แต่เป็นด้านการปฏิบัติบูชาบำเพ็ญตบะสร้างบารมีอย่างมุ่งมั่นเป็นผู้สละแล้ว สละเรื่องของโลกภายนอกได้หมดแล้วมีความมุ่งมั่นว่าจะต้องออกไปปฏิบัติการช่วยเหลือ มนุษย์และสรรพสัตว์โดยทั่วไป พราหมณ์มักจะชุมนุมรวมกลุ่มกันเป็นหมู่คณะตามเทวสถานต่างๆ ด้วยความพร้อมเพรียงและสามัคคีกันอย่างดี เมื่อมีผู้ใดเชิญให้ช่วยกระทำพิธีให้ไม่ว่าจะเป็นพิธีอะไรที่จะต้องเกี่ยวกับพระฤๅษีหรือ องค์เทพต่างๆพราหมณ์ก็ออกไปทำพิธีให้ทันทีไม่เรียกร้องค่าป่วยการหรือค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้น ไม่เห็นแก่ลาภ ไม่เห็นกับประโยชน์ส่วนตัว (นั่นเป็นพราหมณ์สมัยก่อน สมัยนี้ก็คงจะต้องมีค่าใช้จ่ายมากน้อยตามแต่จะเห็นสมควร) สำหรับพราหมณ์พวกนี้ก็มักมีกันอยู่เป็นจำนวนมาก ชอบฝักใฝ่ในธรรม โปรดสัตว์ช่วยเหลือมนุษย์ด้วยความเต็มใจเมื่อเสร็จสิ้นจากภารกิจแล้วก็จะเข้าจำศีลภาวนาต่อไป
นอกจากนี้ยังมีฤๅษีพวกพิเศษอีกพวกหนึ่งคือ พระกศป
สำหรับพระกศป บางพวกเรียกกันว่าผี บางพวกมีฐานะต่ำกว่าอสูรและรากษสเสียด้วยซ้ำไป ฤๅษีจำพวกนี้ พระพรหมาท่านได้สร้างขึ้นมาพร้อมๆกันกับพวกอสูรในยุคของพระปชาบดีก็สืบเชื้อสายมาองค์หนึ่ง ดังนั้นพระกศปกับชฎิลจึงคล้ายคลึงและใกล้เคียงกันมาก ทั้งในด้านการปฏิบัติและการแต่งกายการถือศีลบำเพ็ญตบะ แท้จริงจะต้องมีฐานะเป็นถึงเทพฤๅษี เกล้าผมมุ่นเกศ หรือบางองค์ก็โพกผ้าสูงขึ้นไปอย่างเช่นกับชฎานุ่งห่มผ้า โขมพัตถ์(ผ้าขาวบริสุทธิ์) มีลูกประคำคล้องคอมีสร้อยนวมและทองกรผิวกายขาวถือไม้เท้าคดๆงอๆดูแล้วเหมือนพระศิวะ ยังมีแยกชื่อฤๅษีออกไปอีก 7 ในกลุ่มของ ทศฤๅษี แต่ในคัมภีร์ มหาภารตะ ชื้อเพื้ยนไปดังนี้ชื่อในวงเล็บ
1. พระโคดม ( พระมรีจิ)
2. พระภรัทราช (พระอัตริ)
3. พระวิศวามิตร (พระอังคีรส)
4. พระชนทัคนี (พระปุลัสตยะ)
5. พระวสิษฐ์ (พระปุลหะ)
6. พระกศป (พระกรตุ)
7. พระอัตริ (พระวสิษฐ์)
ในคัมภีร์มหาภารตะยังได้เติมเข้าไปอีก 3 องค์ รวมให้ครบ 10 เป็นทศฤๅษีคือ
1.พระประเจตัส หรือ พระทักษาประชาบดี
2. พระภฤคุ
3. พระนารท
พระฤๅษีในชุดนี้เรียกว่า สัปตฤๅษี ที่ท่านสามารถเห็นเป็นประจำในเวลากลางคืนในเวลาแหงนดูบนท้องฟ้าในเวลากลางคืนจะเห็นลักษณะของดาวกลุ่มนี้คือ ดาวจระเข้ ที่ฝรั่งเรียกว่า ดาวหมีใหญ่ อันดาวจรเข้มีชื่อทางภาษาสันสกฤตว่า ดาวฤกษ์ แปลว่า หมี
เรื่องราวของพระฤๅษีมีมากมาย แต่ในพิธีการที่ต้องเชิญพระฤๅษีมักนิยมเรียกรวมกันว่า พระฤๅษีทั้งร้อยแปด พื่อสะดวกในการเรียก ที่จริงแล้วมีหลายล้านองค์ทีเดียว
(ข้อมูลจากหนังสือ ตะลุยสวรรค์ โดย ว.จีนประดิษฐ์)
ในบรรดาฤๅษีทั้ง 108 นั้นมีอยู่ไม่กี่ีชื่อที่รู้จักกัน และสมเด็จพุฒาจารย์โตได้สร้างพระพิมพ์ฤๅษีไว้ดังนี้ ฤๅษีตาไฟ ฤๅษีนารายณ์ เท่าที่ข้าพเจ้ามีอยู่และอาจมีฤๅษีตนอื่นอีกถ้าได้มาก็จะมาลงรูปให้ดูต่อไป
เมื่อหลายวันก่อนข้าพเจ้าได้เข้าไปบ้านของอาจารย์ไปคุยกับลูกชายของท่าน ข้าพเจ้าเห็นปู่แก่หลายเศียรหลายตนยังอยู่ที่เดิมไม่มีใครเข้าไปเอามาหลังจากที่ท่านละสังขารไปประมาณ 5 ปีแล้ว เพราะความเฮี้ยนของปู่แก่ที่หลายคนเจอมา ข้าพเจ้าเลยพูดลอยๆขึ้นมาว่า ปู่ไปอยู่ด้วยกันกับผมมั้ย ถ้าจะไปก็ไปเข้าฝันบอกเจ้าของบ้านเขาด้วยนะไปแล้วช่วยให้ผมร่ำรวยด้วยนะ ลูกชายอาจารย์ก็มองหน้าข้าพเจ้าไม่พูดอะไรในเรื่องนี้ ก็ไปคุยเรื่องพระเครื่องหยิบพระมาให้ดูแล้วเขาตามมาดูพระที่บ้านของข้าพเจ้า ขอพระเครื่องไปหลายองค์ วันต่อมาลูกชายอาจารย์ไลน์มาบอกว่าจะเอาของดีมาให้ ก็เอามาหลายอย่างแต่ไม่มีปู่แก่ ข้าพเจ้าพูดไปว่านึกว่าเป็นปู่แก่ เขาบอกว่าเดี๋ยวจะเอามาให้และบอกว่าก่อนที่ข้าพเจ้าพูดชวนปู่แก่มาด้วยนั้นปู่แก่ไปเข้าฝันก่อนแล้วที่ประเทศมาเลเซีย(ขณะนั้นลูกชายอาจารย์ทำงานที่นั่นอยู่)ว่าจะมีคนมาเอาแต่เขาก็ไม่รู้ว่าใครจะมาเอา และเมื่อเขากลับมาที่บ้านของเมียเขาคือยังไม่มาบ้านพ่อเขาก็รู้สึกปู่มากดเขาไว้เขารู้สึกที่หลังเขาจึงรีบมาบ้านพ่อ จนกระทั่งผมเอ่ยปากชวนปู่แก่มาด้วย ข้าพเจ้าถามไปว่าจะมามากกว่า1 ตนใช่มั้ยเขาบอกว่ามา 3 ก็ตรงกับที่ข้าพเจ้ารู้มาเช่นกัน เพราะวันแรกที่เขามาที่บ้านข้าพเจ้าก็รู้สึกว่าปู่แก่ตามมาด้วยเพราะสัมผัสตลอดเวลาพอเขากลับไปแล้วค่อยอธิษฐานถามว่าปู่แก่จะมาอยู่ด้วยมากี่ตน ก็ได้คำตอบว่า 3 ตน ซึ่งก็ตรงกับที่เขาฝันเอาไว้ ก่อนที่อาจารย์จะละสังขารท่านก็สั่งลูกชายเอาไว้ว่า ของพวกนี้มีเจ้าของนะถึงเวลาเขาจะมาตามหาแต่ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นใครอย่างไร ลูกชายอาจารย์ก็มีลูกมีเมียแล้วได้แยกตัวไปอยู่กับครอบครัวนานแล้ว เหมือนว่าอาจารย์จะไปเข้าฝันลูกชายอีกเขาก็จะโทรมาเช็คกับแม่เขาว่ามีใครเข้ามาหาบ้างแต่ก็ไม่มีใคร และเขาก็นำปู่ฤๅษีมาให้อยู่กับข้าพเจ้า อีกไม่กี่วันเขาก็ฝันไปอีกว่าปู่ฤๅษีจะขอตามไปอยู่กับข้าพเจ้าด้วยอีก 2 ตนท่านว่าจะมาฟังธรรมด้วย รวมเป็น 5 ตน
ตามมาอีก 4 เป็น 9 ตน องค์ที่ 6 ข้าพเจ้าเคยไปขอมาจากคนที่รู้จักกันเขาเป็นลิเกเก่าเสียชีวิตไปแล้ว คุณยายไม่ยอมให้แต่ลูกชายที่เป็นเจ้าของและเสียชีวิตไปแล้วนั้นมาเข้าฝันคุณยายบอกว่าให้เศียรองค์นั้นกับข้าพเจ้าแต่ต่อมาข้าพเจ้าก็เอาไปให้อาจารย์ด้วยความไม่พร้อมในเวลานั้น มาเวลานี้ท่านก็กลับมาหาข้าพเจ้า องค์ที่ 7 เป็นรูปปั้นฤๅษีลูกชายอาจารย์นำมาให้อีกเขาบอกว่าปู่จะมาด้วย เรานั่งคุยกันพักใหญ่เขาบอกว่ารู้สึกอึดอัดสงสัยปู่จะมาอีก ต่อมาเศียรที่ 8 ก็มาเขาบอกว่าปู่แก่เศียรนี้ท่านมาฝันบอกครั้งแรกว่าจะมีคนมานำท่านไปบูชา แต่เขายังไม่เอามาแต่แรกเลยรู้สึกอึดอัดโดนปู่กดเอาไว้ เศียรนี้เก่ามากน่าจะตกทอดมาจากพ่อของพ่อของอาจารย์มาอีกที เศียรนี้มีพลอยประดับแบบวังหน้าด้านในมีดินมงคลไปพอกไว้ด้วย เศียรนี้มาถึง 6 โมงกว่าเราก็นั่งคุยกันไปพักใหญ่ เขาก็พูดว่าสงสัยลูกสาวข้าพเจ้าจะรู้แล้วว่าปู่มา พอลูกสาวกลับมาถึงบ้านก็ถามว่าปู่มากี่โมงเขารู้สึกขนลุกเต็มหลังในขณะอยู่ที่ทำงานและเป็นเวลาเดียวกับที่ลูกชายอาจารย์บอกว่าลูกสาวน่าจะรู้แล้ว ลูกสาวบอกว่าปู่นารอดจะรู้สึกขนลุกที่หัว ปู่พระพิราพจะรู้สึกเย็นๆถึงจะเป็นยักษ์ท่านก็ใจดี..เข้าใจว่าปู่แก่คงมาอีก ลูกชายอาจารย์ก็ได้ขอพระเครื่องจากข้าพเจ้าไปหลายองค์ นำปู่มาแต่ละตนก็จะขอไปทุกครั้งมีอยู่ในช่วงแรกเขาอยากได้พระหลวงปู่ทวดเนื้อโลหะ ข้าพเจ้ามีองค์หนึ่งเลยขอเก็บไว้และบอกว่าเอาองค์นี้ไปมั้ย หลวงปู่ทวดเนื้อขาว พอเขาหยิบขึ้นมาดูและถามว่าของที่ไหนข้าพเจ้าบอกว่าของหลวงปู่โตกระแสพลังวิ่งปราดเข้าหัวใจรีบวางทันที เขาหยิบพระที่เขาไม่เคยเห็นและถามว่าจากไหนพอข้าพเจ้าบอกว่าของหลวงปู่โตเท่านั้นรีบวางเลย โอย!ไม่ไหวแล้วเล่นเอาผมแย่เลย พระบางองค์ที่เขาขอไปทั้งพระกริ่งและพระสมเด็จข้าพเจ้าให้อธิษฐานว่าใช่ของหลวงปู่โตหรือไม่ เขาก็โดนอีกจนหมดแรง ตอนหลังพอหยิบพระมาดูเขารีบบอกเลยพี่อย่าพูดนะผมไม่อธิษฐานแล้ว ซึ่งปกติเขาอยู่กับอาจารย์ก็จะไม่เคยสัมผัสได้อย่างนี้ แต่พอมาอยู่กับข้าพเจ้าเขาถึงเข้าใจ ในเวลาก่อนหน้านั้นข้าพเจ้ายังไม่ได้พูดชวนปู่มาด้วย พอถึงเวลาท่านมาเองและอาจารย์ก็เคยบอกเขาไว้ก่อนละสังขารว่าของพวกนี้เขามีเจ้าของพอถึงเวลาเขาจะมาตามเก็บเอง อาจารย์ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร ท่านน่าจะรู้อยู่แล้วแต่ยังคงไม่ถึงเวลาในขณะนั้น แต่เวลานี้ถึงเวลาแล้ว
การที่ปู่ฤๅษีมาอยู่กับข้าพเจ้านั้นคงไม่ใช่เหตุบังเอิญหรือมาเก็บบูชาเท่านั้น แต่เป็นหน้าที่ที่อีกไม่นานข้าพเจ้าคงต้องช่วยเหลือผู้คนต่อไปและเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ลูกสาวคนเล็กได้ฝากของจากอเมริกาฝากคนอื่นมาให้ ข้าพเจ้าได้ไปรับของและได้พูดคุยกับคนที่รับฝากของมา ตอนหนึ่งข้าพเจ้าก็คุยถึงเรื่องพระเครื่องของข้าพเจ้าแต่ไม่ใช่สิ่งที่ตั้งใจแท้จริง ข้าพเจ้าตั้งใจเผยแพร่ธรรมที่ได้ศึกษาเรียนรู้มา เท่านั้นแหละคนที่คุยด้วยเขาก็ขนลุกและยกแขนให้ดู เขาพูดว่า คุณพ่ออีกไม่นานก็จะได้ช่วยคนอื่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาบอกเขาให้พูดอย่างนี้ เรื่องพระเครื่องไม่ใช้ทางของคุณพ่อ
ตามมาอีก 4 เป็น 9 ตน องค์ที่ 6 ข้าพเจ้าเคยไปขอมาจากคนที่รู้จักกันเขาเป็นลิเกเก่าเสียชีวิตไปแล้ว คุณยายไม่ยอมให้แต่ลูกชายที่เป็นเจ้าของและเสียชีวิตไปแล้วนั้นมาเข้าฝันคุณยายบอกว่าให้เศียรองค์นั้นกับข้าพเจ้าแต่ต่อมาข้าพเจ้าก็เอาไปให้อาจารย์ด้วยความไม่พร้อมในเวลานั้น มาเวลานี้ท่านก็กลับมาหาข้าพเจ้า องค์ที่ 7 เป็นรูปปั้นฤๅษีลูกชายอาจารย์นำมาให้อีกเขาบอกว่าปู่จะมาด้วย เรานั่งคุยกันพักใหญ่เขาบอกว่ารู้สึกอึดอัดสงสัยปู่จะมาอีก ต่อมาเศียรที่ 8 ก็มาเขาบอกว่าปู่แก่เศียรนี้ท่านมาฝันบอกครั้งแรกว่าจะมีคนมานำท่านไปบูชา แต่เขายังไม่เอามาแต่แรกเลยรู้สึกอึดอัดโดนปู่กดเอาไว้ เศียรนี้เก่ามากน่าจะตกทอดมาจากพ่อของพ่อของอาจารย์มาอีกที เศียรนี้มีพลอยประดับแบบวังหน้าด้านในมีดินมงคลไปพอกไว้ด้วย เศียรนี้มาถึง 6 โมงกว่าเราก็นั่งคุยกันไปพักใหญ่ เขาก็พูดว่าสงสัยลูกสาวข้าพเจ้าจะรู้แล้วว่าปู่มา พอลูกสาวกลับมาถึงบ้านก็ถามว่าปู่มากี่โมงเขารู้สึกขนลุกเต็มหลังในขณะอยู่ที่ทำงานและเป็นเวลาเดียวกับที่ลูกชายอาจารย์บอกว่าลูกสาวน่าจะรู้แล้ว ลูกสาวบอกว่าปู่นารอดจะรู้สึกขนลุกที่หัว ปู่พระพิราพจะรู้สึกเย็นๆถึงจะเป็นยักษ์ท่านก็ใจดี..เข้าใจว่าปู่แก่คงมาอีก ลูกชายอาจารย์ก็ได้ขอพระเครื่องจากข้าพเจ้าไปหลายองค์ นำปู่มาแต่ละตนก็จะขอไปทุกครั้งมีอยู่ในช่วงแรกเขาอยากได้พระหลวงปู่ทวดเนื้อโลหะ ข้าพเจ้ามีองค์หนึ่งเลยขอเก็บไว้และบอกว่าเอาองค์นี้ไปมั้ย หลวงปู่ทวดเนื้อขาว พอเขาหยิบขึ้นมาดูและถามว่าของที่ไหนข้าพเจ้าบอกว่าของหลวงปู่โตกระแสพลังวิ่งปราดเข้าหัวใจรีบวางทันที เขาหยิบพระที่เขาไม่เคยเห็นและถามว่าจากไหนพอข้าพเจ้าบอกว่าของหลวงปู่โตเท่านั้นรีบวางเลย โอย!ไม่ไหวแล้วเล่นเอาผมแย่เลย พระบางองค์ที่เขาขอไปทั้งพระกริ่งและพระสมเด็จข้าพเจ้าให้อธิษฐานว่าใช่ของหลวงปู่โตหรือไม่ เขาก็โดนอีกจนหมดแรง ตอนหลังพอหยิบพระมาดูเขารีบบอกเลยพี่อย่าพูดนะผมไม่อธิษฐานแล้ว ซึ่งปกติเขาอยู่กับอาจารย์ก็จะไม่เคยสัมผัสได้อย่างนี้ แต่พอมาอยู่กับข้าพเจ้าเขาถึงเข้าใจ ในเวลาก่อนหน้านั้นข้าพเจ้ายังไม่ได้พูดชวนปู่มาด้วย พอถึงเวลาท่านมาเองและอาจารย์ก็เคยบอกเขาไว้ก่อนละสังขารว่าของพวกนี้เขามีเจ้าของพอถึงเวลาเขาจะมาตามเก็บเอง อาจารย์ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร ท่านน่าจะรู้อยู่แล้วแต่ยังคงไม่ถึงเวลาในขณะนั้น แต่เวลานี้ถึงเวลาแล้ว
การที่ปู่ฤๅษีมาอยู่กับข้าพเจ้านั้นคงไม่ใช่เหตุบังเอิญหรือมาเก็บบูชาเท่านั้น แต่เป็นหน้าที่ที่อีกไม่นานข้าพเจ้าคงต้องช่วยเหลือผู้คนต่อไปและเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ลูกสาวคนเล็กได้ฝากของจากอเมริกาฝากคนอื่นมาให้ ข้าพเจ้าได้ไปรับของและได้พูดคุยกับคนที่รับฝากของมา ตอนหนึ่งข้าพเจ้าก็คุยถึงเรื่องพระเครื่องของข้าพเจ้าแต่ไม่ใช่สิ่งที่ตั้งใจแท้จริง ข้าพเจ้าตั้งใจเผยแพร่ธรรมที่ได้ศึกษาเรียนรู้มา เท่านั้นแหละคนที่คุยด้วยเขาก็ขนลุกและยกแขนให้ดู เขาพูดว่า คุณพ่ออีกไม่นานก็จะได้ช่วยคนอื่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาบอกเขาให้พูดอย่างนี้ เรื่องพระเครื่องไม่ใช้ทางของคุณพ่อ
การบูชาปู่แก่สำหรับอาจารย์ของข้าพเจ้าท่านจะถวาย ฝิ่น และเมื่อก่อนท่านก็สูบกัญชาด้วยเฮี้ยนดีนัก ขนาดตำรวจเข้ามาในห้องจะจับอาจารย์แต่มองไม่เห็นท่านก็คงสูบกัญชาอยู่อย่างนั้น แต่เมื่อพิจารณาแล้วมันไม่ดีอาจารย์ก็ขอปู่แก่ว่าขอเป่ายานัตถุ์ถวายปู่แทนสิ่งเสพติดเหล่านี้ นับแต่นั้นมาท่านจะทำอะไรท่านก็จะเป่ายานัตถุ์ถวายปู่แก่ตลอด อาจารย์ก็ให้ข้าพเจ้าหัดเป่ายานัตถุ์ด้วยซึ่งข้าพเจ้าก็เป่ามาหลายปีแล้วและมาหยุดตอนศึกษาวิปัสสนา ข้าพเจ้ายึดติดต่อสิ่งนี้มาก แต่พอมาปฏิบัติวิปัสสนากับพระอาจารย์ ศิระ วุฒสาโร แล้วก็ทำให้ข้าพเจ้าตัดสิ่งเหล่านี้ได้ ต่อมาได้เขียนบทความ นิพพานอยู่ไหน แล้วมาศึกษาพระสมเด็จวัดระฆัง จากการที่ปฏิบัติวิปัสสนาทำให้ไม่หลงไม่ยึดติดเหมือนเมื่อก่อน แต่ถ้าไม่ได้ศึกษาวิปัสสนาปฏิบัติ ศึกษากรรมฐานอย่างเดียวก็ยังคงยึดอยู่และอาจจะยึดติดมากขึ้นก็เป็นไปได้
ท่านใดที่บูชาปู่ฤๅษีจากข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าจะแนะนำวิธีเป่ายานัตถุ์ถวายปู่แก่ให้เป็นพิเศษ คนที่จะบูชาปู่แก่ต้องเล่น(บูชา)ให้ถึงและเข้าใจ ดารา นักร้อง นักแสดง ลิเก วงปี่พาทย์ ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะมีปู่แก่บูชา ลิเก ปี่พาทย์ จะมีการครอบครูครอบปู่แก่เป็นประจำทุกปี ปัจจุบันนักร้องนักแสดงก็มีการครอบครูปู่แก่เช่นกัน
คาถาเป่ายานัตถุ์ถวายปู่แก่
"พาลิพาไลย เป่ายานัตถุ์ไปไกลถึงป่าเขาหิมพานต์.................ฯ"
เริ่มเขียนเรื่องนี้ประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์หรือก่อนหน้านี้ไม่ได้จดเอาไว้ หลายวันก่อนก็ได้มาเพิ่มอีกเรื่อยๆ ปู่แต่ละองค์จะมาอยู่กับข้าพเจ้าจะไปเข้าฝันลูกชายอาจารย์ก่อนถึงจะเอามาให้ข้าพเจ้าได้ ปู่ชีวกจะมาแต่แรกแต่หาไม่เจอจนกระทั่งลูกชายอาจารย์บอกว่าถ้าปู่จะไปก็มาเข้าฝันว่าปู่อยู่ตรงนั้น คืนนั้นตี 3 ก็ฝันเห็นปู่ชีวกซ่อนอยู่ภายในเศียรปู่อีกตนหนึ่ง ลูกอาจารย์รีบตื่นเข้าไปดูในห้องตามความฝันและยกเศียรปู่อีกตนออกก็เห็นปู่ชีวกยิ้มให้วันรุ่งขึ้นก็นำมาให้ข้าพเจ้า แต่ลูกอาจารย์ก็ยังรู้สึกเจ็บที่หลัง กระทั่งปู่ดำฤาษีเนื้อดินองค์สีดำมาอยู่กับข้าพเจ้าลูกอาจารย์ก็รู้สึกโล่งไม่เจ็บหลังอีก พอปู่ดำมาถึงลูกอาจารย์ก็ถามข้าพเจ้าว่ารู้มั้ยของที่ไหนสร้าง ข้าพเจ้าบอกว่าขอตัวเลือกหน่อย เขาบอกว่า หลวงพ่อจง หลวงพ่อปาน หลวงปู่ศุข หลวงปู่โต ข้าพเจ้าก็อธิษฐานถามทีละชื่อไม่มีปฏิกิริยาอะไร ก็ถามใหม่เปลี่ยนจากผู้สร้างเป็นผู้อธิษฐานจิตปลุกเสก ก็มาลงที่หลวงปู่โต ข้าพเจ้าก็บอกลูกอาจารย์ว่าไม่รู้ว่าใครสร้างแต่หลวงปู่โตอธิษฐานจิตปลุกเสก ลูกอาจารย์เลยบอกว่าเขาฝันเห็นพระที่วัดระฆังเอาดิน 7 ป่าช้ามานั่งปั้นปู่ดำที่ใต้ต้นโพธิ์ปั้นเสร็จดีแล้วก็นำไปให้หลวงปู่โตช่วยอธิษฐานจิตปลุกเสกให้ แล้วก็นำไปไว้ที่กุฏิ(ไม่ได้บอกเหตุผลอะไร หลวงปู่โตคงจะรู้และเข้าใจดี) พระท่านนำไปไว้ที่กุฏิคงไม่ได้เอาไปกราบไหว้ ต่อมาปู่ดำคงตกทอดมาอยู่กับอาจารย์ตาแล้วมาอยู่กับอาจารย์ข้าพเจ้าอีกที ล่าสุดปู่ฤๅษีตาไฟแถวล่างซ้ายสุดก็ตามมาอีกฯ
เริ่มเขียนเรื่องนี้ประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์หรือก่อนหน้านี้ไม่ได้จดเอาไว้ หลายวันก่อนก็ได้มาเพิ่มอีกเรื่อยๆ ปู่แต่ละองค์จะมาอยู่กับข้าพเจ้าจะไปเข้าฝันลูกชายอาจารย์ก่อนถึงจะเอามาให้ข้าพเจ้าได้ ปู่ชีวกจะมาแต่แรกแต่หาไม่เจอจนกระทั่งลูกชายอาจารย์บอกว่าถ้าปู่จะไปก็มาเข้าฝันว่าปู่อยู่ตรงนั้น คืนนั้นตี 3 ก็ฝันเห็นปู่ชีวกซ่อนอยู่ภายในเศียรปู่อีกตนหนึ่ง ลูกอาจารย์รีบตื่นเข้าไปดูในห้องตามความฝันและยกเศียรปู่อีกตนออกก็เห็นปู่ชีวกยิ้มให้วันรุ่งขึ้นก็นำมาให้ข้าพเจ้า แต่ลูกอาจารย์ก็ยังรู้สึกเจ็บที่หลัง กระทั่งปู่ดำฤาษีเนื้อดินองค์สีดำมาอยู่กับข้าพเจ้าลูกอาจารย์ก็รู้สึกโล่งไม่เจ็บหลังอีก พอปู่ดำมาถึงลูกอาจารย์ก็ถามข้าพเจ้าว่ารู้มั้ยของที่ไหนสร้าง ข้าพเจ้าบอกว่าขอตัวเลือกหน่อย เขาบอกว่า หลวงพ่อจง หลวงพ่อปาน หลวงปู่ศุข หลวงปู่โต ข้าพเจ้าก็อธิษฐานถามทีละชื่อไม่มีปฏิกิริยาอะไร ก็ถามใหม่เปลี่ยนจากผู้สร้างเป็นผู้อธิษฐานจิตปลุกเสก ก็มาลงที่หลวงปู่โต ข้าพเจ้าก็บอกลูกอาจารย์ว่าไม่รู้ว่าใครสร้างแต่หลวงปู่โตอธิษฐานจิตปลุกเสก ลูกอาจารย์เลยบอกว่าเขาฝันเห็นพระที่วัดระฆังเอาดิน 7 ป่าช้ามานั่งปั้นปู่ดำที่ใต้ต้นโพธิ์ปั้นเสร็จดีแล้วก็นำไปให้หลวงปู่โตช่วยอธิษฐานจิตปลุกเสกให้ แล้วก็นำไปไว้ที่กุฏิ(ไม่ได้บอกเหตุผลอะไร หลวงปู่โตคงจะรู้และเข้าใจดี) พระท่านนำไปไว้ที่กุฏิคงไม่ได้เอาไปกราบไหว้ ต่อมาปู่ดำคงตกทอดมาอยู่กับอาจารย์ตาแล้วมาอยู่กับอาจารย์ข้าพเจ้าอีกที ล่าสุดปู่ฤๅษีตาไฟแถวล่างซ้ายสุดก็ตามมาอีกฯ
ยานัตถุ์ที่เป่าถวายปู่ฤๅษี ยานัตถุ์ของบ้านเราจะกลิ่นฉุนแรง ยานัตถุ์ต่างชาติกลิ่นจะอ่อนมีทั้งยานัตถุ์ของประเทศจีนและเยอรมัน ไม่เคยลองยานัตถุ์ของประเทศจีนแต่ลองของประเทศเยอรมันซึ่งมีขายแถวเยาราชบรรจุขวดแก้วอย่างดีเหมือนขวดวิสกี้ ราคาอยู่ที่อายุของยานัตถุ์ 10 ปี 12 ปี เหมือนวิสกี้เลย ขวดยานัตถุ์สแตนเลสและกล้องมีขายที่ท่าพระจันทร์ ที่อื่นก็น่าจะมีขายบ้าง กล้องยานัตถุ์ตามร้านขายยาใช้ไม่ดีคมเจ็บมือ ร้านขายทองเก่าเคยมีกล้องยานัตถุ์เนื้อทองแดงชุบเงินใช้ไปนานหลายปีค่อยๆสึกเห็นเนื้อใน
#ฤๅษีนารอดกรุนครไทย N.05 |
ฤๅษีนารอดหรือฤๅษีนารทเป็นครูของฤๅษีทั้งปวง ทรงบังเกิดจากเศียรที่ 5 ของพระพรหมธาดา ทรงเป็นเพศฤๅษี ฤๅษีนารอดถือเป็นฤๅษีองค์แรกในไตรภูมิ ไม่ว่าจะมีการบูชาสิ่งใด หากไม่มีการเชิญท่านแล้วพิธีจะไม่สมบูรณ์
ฤๅษีนารอดเป็นหมอยาที่มีอาคมแก่กล้า เก่งในทางรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ทั้งยังเป็นอาจารย์รดน้ำมนต์ที่เก่งที่สุดอีกด้วยท่านมีบารมีมาก ปวงชนทั่วไปก็มักจะรู้จักพระนามของท่านแทบทั้งนั้น รูปร่างหน้าตาของท่านก็ยังมีหนวดเครายาวลงมาจากคางถึงในระหว่างอกมือถือดอกบัว ตรงด้านหน้ามีบาตรน้ำมนตร์ตั้งอยู่เป็นประจำ เก่งในทางรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ชงัดนักแล ถ้าหากผู้ใดมีความทุกข์ที่เกี่ยวกับการเจ็บไข้ได้ป่วย ก็จงบนบานศาลกล่าวกับท่านดูแล้วท่านก็จะต้องเมตตาเสด็จลงมาปัดเป่ารักษาให้โรคภัยนั้นหายไปในเร็วฤๅษีนารอดที่มีคนรู้จักอีกชื่อหนึ่งคือพระปรคนธรรพ(พระประโคนธรรพ) นารทฤๅษี พระประคนธรรพแปลว่า ยอดของฤๅษี ราชาแห่งฤๅษี ผู้ประดิษฐ์พิณเป็นเป็นท่านแรก ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการบรรเลง ขับร้อง โหราศาสตร์ การแพทย์ กฎหมาย น้กเลงไสยศาสตร์เรียก ฤๅษีนารอด(พระนารท) หมู่นาฏศิลป์ดุริยางค์ศิลป์รู้จักและเคารพท่านมาก ถ้ามีการครอบครูหรือเศียรปู่แก่จะขาดท่านไม่ได้เลยฯ พระปรคนธรรพ หรือ พระฤาษีนารอท ดุริยเทพที่ประทานความสำเร็จ เสน่ห์เมตตามหานิยม
#ฤๅษีตาไฟเนื้อดินผสมว่าน สมด็จโตร่วมปลุกเสก N.02 |
ฤๅษีตาไฟ ปัจจุบันเมื่อมีการสร้างรูปเคารพของฤาษีตาไฟหรือพ่อแก่ เรามักจะเห็นเป็นลักษณะของฤาษีที่มีสามตา โดยตาที่สามจะอยู่ตรงกลางหน้าผาก และตามตำนานกล่าวว่าหากพ่อแก่ลืมตาที่สามเมื่อใด ก็จะเกิดเป็นไฟเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างลักษณะของตาที่สามของพระฤาษีตาไฟนี้ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่มีบุญ และมีตบะญาณที่แก่กล้า ตามคติทางพราหมณ์ และพุทธนั้นกล่าวว่าบุคคลที่ได้บำเพ็ญเพียรทางจิตมาหลายร้อยหลายพันชาติ เป็นอนันตชาตินั้น เมื่อบังเกิดขึ้นมาในภพชาติปัจจุบัน จะมีสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเป็นผู้มีบุญเกิดขึ้นกับร่างกายหลายอย่าง และ อย่างหนึ่งก็คือการมีอุณาโลมที่กลางหน้าผาก อุณาโลมกลางหน้าผากนี้กับภาวะตาที่สามเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน เพราะถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งตาที่สามหรือดวงตาแห่งเทพเจ้า หรือการเข้าสู่สภาวะการณ์หยั่งรู้ที่ลึกซึ้งในด้านจิตวิญญาณ และมีความเชื่อว่า พระฤาษีตาไฟนั้นน่าจะเป็นอวตาร หรือส่วนหนึ่งของพลังแห่งพระเป็นเจ้าที่ลงมาสู่โลกมนุษย์เพื่อทำหน้าที่เป็นคุรุทางจิตผู้ยิ่งใหญท่านหนึ่งของประวัติศาสตร์ และหากพิจารณาแล้วก็น่าจะเชื่อได้ว่าพระฤาษีตาไฟนั้นคือการอวตารส่วนหนึ่งของพระศิวะ หรือ พระอิศวรนั่นเอง
มีตำนานเรื่องการสร้างบ้านแปงเมือง และการล่มของเมืองศรีเทพจริงหรือไม่นั้นก็ลองไปหาอ่านดู
ฤๅษีนารายณ์
ฤษีนารายณ์พระองค์นี้แหละที่ทุกวงการยอมรับนับถือกัน ดังนั้นไม่ว่าจะทางไสยศาสตร์นาฏศิลป์ ดนตรี หรือหมอนวดแผนโบราณ จะต้องเรียกขานขอประทานพรพระบารมีของท่านอยู่ร่ำไป ส่วนประวัติในความเป็นมาก็มิได้ลึกลับอะไรนัก สาเหตุที่จะเกิดมาเป็นพระฤษีนารายณ์ก็เมื่อครั้งที่พระนารายณ์ได้กระทำเทวฤทธิ์ อวตารลงมาเป็นพระกบิลนั่นเอง ทรงบำเพ็ญตบะอยู่ใต้พิภพ เพื่อจะปราบกุมารทั้งหกหมื่น อาวุธที่ร้ายแรงสำหรับพระฤษีนารายณ์หรือพระกบิลก็คือ ไฟกรดอันแรงกล้า ที่ได้มอดไหม้พระกุมารทั้งหกหมื่นตายจนหมดสิ้นส่วนอิทธิฤทธิ์และบารมีของท่านนั้นมีอยู่มากมาย ไม่ทำลายผู้กระทำความดี มีแต่ช่วยส่งเสริมและช่วยเหลือโดยตลอด ด้วยพระเมตตาปราณีเป็นล้นพ้น ฝูงชนมักจะนิยมกราบไหว้บูชากันเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพิธีมงคลใดๆ ก็จะต้องทำการอัญเชิญให้ท่านเสด็จลงมาร่วมพิธีด้วยทุกครั้งไป ก็จะได้เป็นมงคลอันดีงามสำหรับงาน หรือว่ากิจการที่กระทำนั้นให้บังเกิดผลสำเร็จสมความมุ่งหมายทุกประการ.....
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น