ป้ายหยก 12 นักษัตร กระแสพลังแรงอธิษฐานจิตปลุกเสกโดย กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 11.75 นิ้ว |
ตำนาน 12 นักษัตรของเอเชีย ส่วนใหญ่คนไทยจะรู้จัก 12 นักษัตรของเมืองจีนมากกว่าประเทสอื่นเพราะคนจีนเคยสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับเทพ 12 นักษัตร คนไทยและคนจีนมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันมาช้านาน กระทั่งคนไทยได้ซึบซับวัฒนธรรมจีนมาใช้หลายอย่าง ลูกครึ่งไทยจีนที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมจีนมาใช้ก็มีไม่น้อย การนับถือ"พระโพธิสัตว์กวนอิม"และเทพเจ้าต่างๆ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ"ไฉ่ซิงเอี้ย" การคำนวณปฎิทิน บรรพบุรุษของชาวจีนได้นำ “แผนภูมิสวรรค์”(เทียนกัน) และ “แผนภูมิพิภพ” (ตี้จือ) ผนวกเข้าด้วยกันในการคำนวณปฏิทินและเวลา โดยใช้สัตว์ 12 ชนิดมาเป็นสัญลักษณ์กำหนดความหมายแต่ละปี ในยุคปัจจุบัน มีการนำเอา 12 นักษัตร กรุ๊ปเลือด และราศีเกิดมารวมกันเป็นข้อมูลเพื่อวิเคราะห์และพยากรณ์เกี่ยวกับบุคลิกลักษณะนิสัยและโชคชะตา แม้ว่าเรื่องราวเหล่านี้จะหาหลักการทางวิทยาศาสตร์มายืนยันได้ยากมาก แต่ในความเป็นจริงนั้น กลุ่มคนที่เชื่อถือก็ยังมีจำนวนอยู่ไม่น้อย การยอมรับวัฒนธรรม 12 นักษัตรมีอยู่ในหลายประเทศรอบเอเชียและประเทศอื่นๆ ไทย ลาว จีน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง ไต้หวัน นิวซีแลนด์ เวียดนาม เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น หลักฐานที่ยืนยันการคิดริเริ่มของจีนปรากฏอยู่บนแจกันสำริด ที่จัดแสดงอย่างถาวรอยู่ใน พิพิธภัณฑสถานพระราชวังแห่งชาติไทเป ประเทศไต้หวัน ภายในห้องแสดงสำริดโบราณ จีนคือผู้ที่คิดค้นแรกเริ่มตั้งแต่ราว 2,700 ปีมาแล้ว
ปรัชญาและวัฒนธรรมแฝงแนวคิดกับ 12 ราศี ล้วนมีที่มาและความหมาย
ในงานเลี้ยงครั้งหนึ่งที่กรุงปักกิ่ง ชาวจีนกลุ่มหนึ่งมาร่วมงานในฐานะเจ้าบ้าน คณะแขกในงานคือชนชั้นสูงที่ส่วนใหญ่เป็นวงศาคณาญาติของเครือราชวงศ์ในแถบประเทศยุโรป แขกทุกคนล้วนมีการศึกษาสูงและกิริยามารยาทในสังคมดีเลิศทั้งนั้น แต่เบื้องหลังแต่ละคนล้วนซ่อนความหยิ่งยะโสไว้เกือบทุกคน อาจเป็นเพราะงานคืนนั้นเป็นงานเลี้ยงส่งคณะผู้มาเยือนเป็นคืนสุดท้าย แต่ละคนอาจดื่มหนักไปหน่อย เลยพูดจาค่อนข้างปล่อยวางตามอำเภอใจ และแล้ว ก็มีฝรั่งท่านหนึ่งลุกขึ้นยืนแล้วถามว่า
"ขอทราบเหตุผลหน่อย ทำไมปีนักษัตร 12 ราศีของจีน จึงมีแต่พวกหมู หมา กา ไก่มาเป็นตัวสัญลักษณ์ ไม่เห็นจะเหมือนของพวกเราเลย ล้วนฟังดูดีมีสกุล เช่น กลุ่มดาวคนยิงธนู กลุ่มดาวสิงห์ กลุ่มดาวแมงป่อง ไม่รู้บรรพบุรุษพวกคุณเอาส่วนไหนของร่างกายมาคิดตั้งราศีบ้านๆพวกนี้ออกมา"
พอพูดจบ ก็เป็นเสียงฮาเฮของเหล่าฝรั่งหัวแดง พร้อมชนแก้วดื่มกันสนั่นหวั่นไหว ความเป็นผู้ดีหายไปในชั่วพริบตา
เมื่อถูกเขาเจริญพรถึงบรรพบุรุษกันขนาดนี้ จะเถียงเขาอย่างไรดี จะทุบโต๊ะแสดงความไม่พอใจก็ย่อมจะทำได้ แต่อาจเพราะยังตั้งหลักไม่ทัน ต่างคนต่างยังเก็บความเคืองแค้นด้วยความเงียบ แต่แล้วก็มีชาวจีนท่านหนึ่งลุกขึ้นยืน แล้วใช้น้ำเสียงอันราบเรียบที่สุภาพพูดขึ้นว่า
"ท่านทั้งหลาย บรรพบุรุษของพวกเรามักยืนอยู่บนฐานแห่งความเป็นจริง ปีราศีของพวกเราจับกันเป็นคู่ๆ ตามวัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด แสดงถึงความหวังและความต้องการของบรรพบุรุษของเราที่มีต่อพวกเราทุกคน"
ในเวลานั้น เสียงฮาเฮเริ่มค่อยๆเบาบางลง แต่สีหน้าของชาวต่างชาติแทบทุกคนยังคงแฝงไว้ด้วยแววตาที่เย้ยหยัน
"ราศีคู่แรก คือหนูและวัว หนูคือตัวแทนของความเฉลียวฉลาด วัวคือสัญลักษณ์ของความขยัน หากคนเราฉลาดแต่ขี้เกียจ ก็ไปไม่ได้ไกล แต่ถ้าขยันแล้วแต่ไร้หัวคิด ก็กลายเป็นไอ้โง่ สองสิ่งนี้ต้องบวกกันเป็นหนึ่ง ก็คือคนฉลาดที่ขยัน นั่นคือสิ่งแรกและเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่บรรพบุรุษคาดหวังในตัวพวกเรา"
"คู่ที่สองคือเสือและกระต่าย เสือมีความกล้าหาญเต็มร้อย กระต่ายมีความระมัดระวังเป็นคุณสมบัติประจำตัว ความกล้าบวกกับความระมัดระวัง ถึงจะเรียกว่าคนใจถึงแต่รอบคอบ หากมีแต่ความกล้า มันคือความมุทะลุ หากมีแต่ความระแวดระวังเกินกว่าเหตุ มันคือความขี้ขลาดคนจีนผู้นั่นมองกลุ่มฝรั่งนิดนึง แล้วพูดต่อเพื่อรักษามารยาทอันดีงาม
"บางครั้งอาจเห็นพวกเรามักนิ่งเงียบ คงจะกำลังครุ่นคิด จงอย่าเข้าใจว่าพวกเราไม่มีความกล้าซ่อนอยู่"
"คู่ที่สามคือมังกรและงู (งูใหญ่และงูเล็กของไทย) มังกรคือความแข็งแกร่ง งูคือความพริ้วไหว ชีวิตที่แข็งทื่อเกินไปอาจต้องเผชิญกับการแตกหัก "ยอมหักไม่ยอมงอ"จึงอาจไม่ใช่สิ่งดีเสมอไป แต่พริ้วไหวไปก็ไร้จุดยืน เพราะฉะนั้น ในความแข็งแกร่งต้องมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ ผู้ใหญ่ท่านสอนไว้แบบนี้"
"คู่ทีสี่คือม้าและแพะ ม้ามุ่งตะลุยไปข้างหน้าอย่างเดียว แพะคือสัญลักษณ์ของความอ่อนโยน หากคนเราเอาแต่ลุยไปข้างหน้า ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง คงต้องกระทบกระทั่งเขาไปทั่ว หนทางสู่จุดหมายปลายทางคงทุลักทุเลน่าดู แต่ถ้ามีแต่ความอ่อนโยน ว่านอนสอนง่าย สุดท้ายต้องหลงทางแน่นอน สองสิ่งนี้ต้องรวมกัน เส้นทางสู่จุดหมายจึงจะราบเรียบ"
"คู่ที่ห้าคือลิงกับไก่ ลิงมีความว่องไว ไก่ขันตามเวลาทุกเช้า มันคือความแน่นอน ความว่องไวที่ปราศจากความแน่นอน เขาเรียกว่าความวุ่นวาย ความแน่นอนแต่เชื่องช้าเกินเหตุ อันนี้ชีวิตอับเฉาไร้รสชาติ ชีวิตต้องดำเนินไปด้วยความสมดุลย์ของสองสิ่งนี้ แล้วชีวิตจะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น"
"คู่สุดท้ายคือสุนัขและสุกร สุนัขมีความซื่อสัตย์สูงสุด สุกรว่านอนสอนง่ายที่สุด คนเราถ้าซื่อตรงจนเกินไป ไม่รู้จักผ่อนกฏผ่อนเกณฑ์กันบ้าง จะสร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว หรืออาจเคลียดเกินเหตุ แต่หากหัวอ่อนไป ก็จะไม่มีบรรทัดฐานของตัวเอง ลู่ไปตามลม คงไม่ดีแน่ แต่การรวมกันของสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน ความสมดุลย์จะเกิดขึ้นภายในจิตใจเรา"
พออธิบายที่มาของสิบสองราศีจนครบถ้วน ชาวจีนผู้นั้นจึงถามชาวยุโรปว่า
"คงต้องขอทราบว่า สิบสองราศีของพวกคุณ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มดาวแมงป่อง คนแบกหม้อ คนยิงธนู มีความหมายต้องการจะสื่ออะไรหรือเปล่า แล้วที่บรรพบุรุษพวกคุณคัดสรรพวกนี้ออกมา ต้องการหรือคาดหวังอะไรจากพวกคุณบ้าง ช่วยชี้แนะด้วยครับ"
มีแต่ความเงียบ ไม่มีคำตอบ ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจแรงๆ
ชาวจีนที่อาสาเป็นผู้อธิบายถึงความหมายและที่มาของสิบสองราศีท่านนี้ ก็คืออดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศจีน ที่ชื่อว่า "โจว เอิน ไหล"
"ขจรศักดิ์"
แปลและเรียบเรียง
https://pantip.com/topic/35848459
หยก เป็น อัญมณีที่ชาวจีนยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณธรรม 5 ประการ คือ ใจบุญ สมถะ กล้าหาญ ยุติธรรม และมีสติปัญญา ชาวจีนมีความผูกพันกับหยกตั้งแต่เกิดจนตายก็ว่าได้ เพราะชาวจีนเชื่อว่าหยกเป็นอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ที่นำมาซึ่งสิริมงคล ความเจริญรุ่งเรือง ความร่ำรวย ความมีโชคแก่ผู้ครอบครองและทำให้อายุยืน ป้องกันสิ่งอัปมงคล ภูติผีปีศาจ
ชาวจีนได้นำ หยก มาใช้เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตายไป โดยมีความเชื่อมาแต่โบราณ ว่าหยกนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่ก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล ความเจริญรุ่งเรือง ความมีโชคลาภแก่ผู้ได้ครอบครอง และทำให้อายุยืนยาว
และชาวจีนยังเชื่อกันอีกว่าหยกมีอำนาจคุ้มครองมีพลังลึกลับ สามารถปกป้องคุ้มครองผู้สวมใส่ จากสิ่งชั่วร้ายได้ เป็นเครื่องรางบอกเหตุได้ว่าผู้สวมใส่กำลังมีโชคหรือมีเคราะห์อย่างไร สังเกตได้จากสีของหยก หากหยกมีสีสันสดใส นั่นก็หมายความว่า เจ้าของหยกกำลังจะมีโชค แต่ถ้าหากหยกมีสีหมองลงหรือมองเห็นรอยแตกร้าวชัดขึ้นก็แปลว่า เจ้าของหยกกำลังจะมีเคราะห์มาเยือน หยกที่ชาวจีนใช้เป็นเครื่องรางมักจะแกะสลักเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ เช่น ปลา เต่า จิ้งหรีด หน้าเสือ ปี่เซียะ กบ ช้าง ฯลฯโดยนิยมให้ลูกหลานของตนเอง พกหยกติดตัวตลอดเวลา ถ้าเป็นเด็กผู้หญิง จะให้สวมกำไลหยก ปิ่นหยก และจี้หยก เป็นต้น แต่ถ้าเป็นเด็กผู้ชายจะให้พกเครื่องใช้ที่ทำด้วยหยก เรามักจะเห็นคนจีนสูงอายุ ใส่กำไรหยกแล้วไม่ถอดเลย
หยกเนื้อแก้วเขียวใสมรกต ซื้อขายกันเป็นเม็ดๆ ขนาดเท่าหัวนิ้วโป้งมือ ราคาไม่ต่ำกว่า 1 - 5 ล้านบาทขึ้นไป หยกเขียวใสมรกต นี้ ญี่ปุ่นซื้อราคาสูงสุด และตลาดมีความต้องการมากที่สุด
-หยกสีเขียว มีความหมายในด้านอุดมสมบูรณ์ ชาวจีนเชื่อว่าหยกสีเขียวเป็นต้นกำเนิดของคำว่า “เงินทองไหลมาเทมา” ผู้เกิดวันอาทิตย์ เสริมเรื่องความรำรวยเงินทอง ผู้เกิดวันจันทร์ เสริมเรื่องอำนาจวาสนา
-หยกสีขาว มีความหมายว่า เป็นสิ่งที่เอาความโชคดี มาสู่ผู้เป็นเจ้าของ นอกจากนี้ยังนำมาสู่ ความอายุยืนอีกด้วย ผู้เกิดวันอาทิตย์ เสริมเรื่องความรำรวยเงินทอง ผู้เกิดวันจันทร์ เสริมเรื่องอำนาจวาสนา
-หยกม่วง หรือหยกลาเวนเดอร์ มีความหมาย ที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ แห่งชีวิตที่มีความสุขสมบูรณ์ ผู้เกิดวันอาทิตย์ เสริมเรื่องความรำรวยเงินทอง ผู้เกิดวันพฤหัสบดี เสริมเรื่องความรัก ความเมตตาจากผู้ใหญ่ ผู้เกิดวันศุกร์ เสริมเรื่องที่ดิน อสังหาริมทรัพย์
-หยกแดง มีความหมายถึง การรับรู้ของอารมณ์ความรักได้ดี ผู้เกิดวันจันทร์ เสริมเรื่องอำนาจวาสนา ผู้เกิดวันพฤหัสบดี เสริมเรื่องความรัก ความเมตตาจากผู้ใหญ่
-หยกเหลือง หรือ หยกน้ำผึ้ง เป็นสัญลักษณ์แห่งการกระตุ้นชีวิตชีวาให้เต็มไปด้วยความสนุกสนานทั้งยังเป็นการเพิ่มพลังให้ผู้สวมใส่ตลอดเวลา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแรงบันดาลใจ ผู้เกิดวันจันทร์ เสริมเรื่องอำนาจวาสนา ผู้เกิดวันพฤหัสบดี เสริมเรื่องความรัก ความเมตตาจากผู้ใหญ่ผู้เกิดวันศุกร์ เสริมเรื่องที่ดิน อสังหาริมทรัพย์
-หยกสามสี หรือ หยกฮก ลก ซิ่ว สามสีรวมกันในหยกชิ้นเเดียว เช่น ขาว ม่วง เขียว หรือ ม่วง เหลือง เขียว เป็นสัญลักษณ์ของโชค วาสนา อายุมั่นขวัญยืน
-หยกสองสี หรือ หยก กินบ่เซี้ยง เป็นหยกที่มีสองสีรวมกันในชิ้นเดียว เช่น ขาว เขียว / ดำ เขียว / ขาว ม่วง หมายถึง คนใส่จะมีกินมีใช้ตลอด
-หยกสีฟ้าแกมเขียว สีฟ้าแกมเขียวเป็นสัญลักษณ์แห่งความสงบ ทำให้เกิดความสุขภายในจิตใจ ไม่ว้าวุ่น
-หยกสีดำ หรือ สีเทา เป็นสีแห่งความอมตะ มีพลังต้านพลังด้านลบสูง หรือสิ่งที่ไม่ดีมาสู่เจ้าของหยก และความร่ำรวยเงินทองไหลมาเทมา
-หยกห้าสี(นะโมพุทธายะ พระพุทธเจ้าห้าพระองค์) เปี่ยมล้นบารมี อำนาจสูงส่ง
-หยกสีชมพู หมายถึงการรับรู้อารมณ์ของความรักได้ดี ทั้งยังเป็นหยกที่ช่วยลดความโกรธและความเครียดต่างๆได้อีกด้วยอริยสัจมาเป็น 12 นักษัตร
พระยาท่านหนึ่งจะฟังเรื่องอริยสัจ จึงให้บ่าวไปนิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จโตมาเทศน์ แต่บ่าวคนนั้นจำได้แต่คำหลังว่า ส้จๆ เมื่อไปถึงวัดก็ไปนิมนต์ท่านบอกว่า เจ้าคุณที่บ้านให้มาอาราธนาเจ้าประคุณไปแสดงธรรมที่บ้าน สมเด็จโตถามว่าให้เทศน์เรื่องอะไร บ่าวคนนั้นบอกว่าเรื่อง 12 นักษัตร
ฝ่ายเจ้าประคุณสมเด็จฯ ก็เป็นผู้ฉลาดเทศน์ ท่านจึงอธิบายบรรยายหน้าธรรมาสน์ว่า
"อาตมาภาพ ก็นึกอยู่แล้วว่า ผู้ไปนิมนต์จะลืมชื่อ อริยสัจ เสียไปบอกว่า ท่านให้นิมนต์เทศน์ 12 นักษัตร...อาตมาภาพก็เห็นว่า 12 นักษัตรนี้ เป็นต้นทางของอริยสัจ แท้ทีเดียว ยากที่บุคคลจะได้ฟังธรรมเทศนาเรื่อง 12 นักษัตรสักครั้งสักหน เทศน์ที่ไหนๆ ก็มีแต่ เทศน์อริยสัจทั้งนั้น ไม่มีใคร จะเทศน์ 12 นักษัตรสู่กันฟังเลย ควรจะชื่นชมโสมนัสต่อผู้รับใช้ไปนิมนต์อาตมภาพมาเทศน์ด้วย ถ้าไม่ได้อาศัยผู้นิมนต์เป็นต้นเหตุแล้ว ที่ไหนจะได้ฟังธรรมเทศนา เรื่อง 12 นักษัตรเล่า ควรจะอนุโมทนาสาธุการ อวยพรให้แก่ผู้ไปนิมนต์ให้มาก"
ฝ่ายท่านพระยาเจ้าของกัณฑ์เทศน์ และทายกทายิกาทั้งหลาย เมื่อได้ฟังธรรมเทศนาเรื่อง 12 นักษัตร เป็นต้นเหตุให้เกิดอริยสัจ ของเจ้าประคุณสมเด็จฯ แล้วต่างก็ชื่นชมยินดี ยิ้มแย้มแจ่มใสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พอใจกันทุกคน โดยเฉพาะท่านพระยาถึงกับออกปากว่า "ข้าขอบใจ เจ้าคนไปนิมนต์ ขอให้เจ้าได้บุญมากๆ ด้วยกันเถิด"
การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารที่หาที่สิ้นสุดมิได้ ไม่ว่าจะเกิดนักษัตรอะไร ปี เดือน วันอะไร ย่อมหนีสงสารกฏแห่งกรรมเวียนเกิดเวียนตายไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากการรู้ อริยสัจ 4 อย่างเข้าใจ ตัดภพตัดชาติมิต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีกต่อไปฯ
พิจารณาป้ายหยก 12 นักษัตร
เนื้อหยกจะเป็นผลึกเนื้อหยาบจะเป็นเส้นมีอายุ100 ล้านกว่าปีขึ้นไป ป้ายหยก 12 นักษัตรตามรูปอยู่ที่เมืองจีนประมาณ 900 ปีแล้วมาอยู่เมืองไทยได้ประมาณ 200 ปี คนจีนนำป้ายหยก 12 นักษัตรเข้ามาเพราะมีความเชื่อมาแต่โบราณว่านำป้ายหยกมาไว้ที่บ้านเพื่อปรับฮวงจุ้ยเสริมสิริมงคลและป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ป้ายหยก 12 นักษัตรยังช่วยแก้ปีชงตามความเชื่อของจีนอีกด้วย
มีคนจีนนำป้ายหยกมาให้หลวงปู่โตปลุกเสกบ้าง กรมพระยาปวเรศววริยาลงกรณ์บ้าง ท่านพิจารณาเห็นว่า หยก มีความเป็นสิริมงคลด้วยเนื้อหยกเองมีแกะลาย 12 นักษัตรคล้ายกับเมืองไทยในวิชาโหราศาสตร์ความเชื่อที่เหมือนกัน การแก้ปีชงของจีน การแก้ปีชงของไทยตามหลักโหราศาตร์ พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกดวงใครราศีใครจะทำให้ชีวิตตกต่ำกว่าที่เป็นอยู่ จะต้องแก้ไขกับชีวิตอย่างไร ความเชื่อแบบนี้มีอยู่ในสังคมบ้านเราที่ยังคงต้องดำเนินชีวิตต่อไปอีกนานเท่านาน หลวงปู่โตท่านไม่ปฏิเสธความเชื่อแบบนี้ การแก้ปีชงแบบจีนการแก้ดวงตกแบบไทย แนวทางพุทธศาสนาไม่ว่าปีไหนเดือนไหนวันอะไรดีทุกวันถ้าเราไม่อยู่ในความประมาทอยู่อย่างพอเพียง ชีวิตก็ไม่ลำบาก ไม่หลงกิเลสที่มายั่วยุอยู่ตลอดเวลา
ป้ายหยก 12 นักษัตรแผ่นนี้บางคนพอเห็นก็รับรู้ถึงพลังได้ทันที บางคนพอเห็นถึงกับมึนศีรษะก็มี บางคนพอรู้ว่าเป็นของดีมีการปลุกเสกก็ให้รู้สึกกระแสพลังมากระทบโดยแผ่นหยกถูกห่อไว้แต่เมื่อแกะกระดาษออกมาให้เห็นแผ่นหยกกระแสพลังเข้ามากระทบแรงขึ้น จะเชื่อก็ดีไม่เชื่อก็ได้ ถ้าไม่สัมผัสด้วยตนเองคงจะพูดอะไรไม่ได้ ของบางอย่างไม่เคยรู้เพราะไม่เคยได้ยินได้เห็นมาก่อน แต่ใช่ว่าจะไม่มีจริง ถ้ามีโอกาสได้สัมผัสกับกระแสพลังของแผ่นหยกคงจะเข้าใจมากขึ้น
ป้ายหยก 12 นักษัตร เส้นผ้าศูนย์กลาง 4.6 นิ้ว มี อาจารย์ท่านหนึ่งสัมผัมได้ว่าพบญาณพระพุทธเจ้า สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 5 และ 8 กรมพระยาปวเรศฯ ไม่พบญาณหลวงปู่โต ปลุกเสก 30 พรรษา |
พระกริ่งปวเรศ# โค๊ตงาใหญ่ 3 โค๊ตหรือโค๊ตหยดน้ำ จาร พ.ศ.เริ่มสร้างปี 2380 และ พ.ศ.ที่ปลุกเสกถึง 2410 รวม 30 พรรษา |
พระกริ่งปวเรศ# โค๊ตงาใหญ่ 9 โค๊ตหรือโค๊ตหยดน้ำ จาร พ.ศ.เริ่มสร้างปี 2380 และ พ.ศ.ที่ปลุกเสกถึง 2413 รวม 33 พรรษา |
สนใจบูชา โทร 092 339 5410
ป้ายหยก 12 นักษัตร เนื้อหยก |
ละคร กี่เพ้า ช่อง 3 ด้านหลังเจ้าสัวมีป้ายหยกแผ่นใหญ่มากมาปรับฮวงจุ้ยเสริมธาตุสลายพลังลบ |
ละคร กี่เพ้า จะมีการปรับธาตุเสริมพลังในห้องรับแขกห้องนั่งเล่น |
ละคร กี่เพ้า มีแผ่นป้ายปรับธาตุเสริมพลัง ในบ้านของเจ้าสัวแทบทุกห้อง |
ละคร กี่เพ้า มีแผ่นป้ายปรับธาตุเสริมพลัง 2 แผ่น |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น