พระสมเด็จหลังทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ปราสาทหินพนมรุ้ง ศิลปเขมร โดยพระนารายณ์บรรทมตะแคงข้างขวาเหนือพระอนันตนาคราช ซึ่งทอดตัวอยู่เหนือมังกรอีกทอดหนึ่งกลางเกษียรสมุทร มีก้านดอกบัวผุดจากพระนาภีของพระองค์และมีพระพรหมประทับอยู่เหนือดอกบัวนั้น พระนารายณ์ทรงถือ คฑา สังข์ และจักรหน้าพระหัตถ์หน้าด้านซ้าย พระหัตถ์หลังซ้ายและพระหัตถ์หลังด้านขวา ส่วนพระหัตถ์หน้าขวารอบพระเศียร ทรงมงกุฏกรวยกภณฑล กรองศอ และทรงผ้าจีบเป็นริ้ว มีชายผ้ารูปหางปลาซ้อนกันอยู่ 2 ชั้นด้านหน้าคาดด้วยสายรัดพระองค์ มีอุบะขนาดสั้นห้อยประดับ มีพระลักษมีชายาพระองค์ประทับนั้นอยู่ตรงปลายพระบาท
สำหรับพระพรหม ซึ่งประทับเหนือดอกบัวนั้น มีสี่พักตร์ สี่กร (ถัดจากองค์พระนารายณ์มาทางซ้ายบริเวณของทับหลัง มีรูปหน้ากาลคายพวงอุบะขนาดใหญ่ เหนือหน้ากาลมีรูปครุฑใช้มือยึดนาคไว้ข้างละตนนอกจากนี้ยังปรากฏรูปสัตว์อื่น ๆ ได้แก่ นกแก้ว ลิง และนกหัสดีลิงก์คาบช้างอยู่ด้วย รูปในส่วนนี้ไม่มีให้เห็นในพระสมเด็จ)
ศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์กลมกลืนกันจนแยกกันไม่ค่อยออก นอกจากคนที่ศึกษาและเข้าใจศาสนาพุทธอย่างดีจึงจะแยกกันออกได้อย่างชัดเจน แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังนับถือเทพแบบศาสนาพราหมณ์ ไทยถูกเขมรปกครองมาช้านานและนับถือลัทธิพราหมณ์ตามแบบเขมร แม้ในสมัยสุโขทัยไทยได้ประกาศตนเป็นอิสระจากเขมร และนับถือพระพุทธศาสนาแทนลัทธิพราหมณ์แล้วก็ตามแต่ก็ยังคงเอาลัทธิพราหมณ์หลายอย่างมาใช้เพื่อการเมืองการปกครอง ที่เชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นสมมุติเทพเป็นองค์อวตารของพระนารายณ์ และในสมัยอยุธยาก็ใช้รูปครุฑติดไว้ที่ธงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่าธงมหาราชโดยความเชื่อที่ว่าครุฑเป็นพาหนะของพระนารายณ์ ที่ไทยได้รับลัทธิเทวราชมาแบบอินเดีย
เทพ เทวดามีความเกี่ยวกับศาสนาพุทธที่ว่า บุคคลที่ทำบุญรักษาศีลเมื่อกายแตกดับไปแล้วจะได้ไปบังเกิดเป็นเทพบนสวรรค์ชั้นต่างๆตามบุญวาสนาของแต่ละคน ส่วนคนที่ทำบาปอกุศลตายแล้วไปรับกรรมในนรก บุคคลที่เสวยบุญในสวรรค์จนหมดอายุของสวรรค์ชั้นนั้นแล้วอาจมาเกิดเป็นมนุษย์หรือไปเกิดในนรกก็ได้ ตราบใดที่บุคคลทั้งหลายยังไม่สามารถบรรลุธรรมได้ก็ยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไปไม่รู้จักหมดสิ้น ศาสนาพราหมณ์กิดขึ้นก่อนศาสนาพุทธนานมากก่อนพระพุทธเจ้าจะประสูติ 1,000 ปี พระอินทร์บัญชาให้พระวิษณุกรรมนำคัมภีร์พิจารณามหาบุรุษ(ปุริสลักษณะ 32 ประการ อนุพยัญชนะ 80 ประการ ฯลฯ)มาให้พราหมณ์ศึกษา เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติแล้วพราหมณ์ทั้ง 8 คนมี 7 คนที่ได้พยากรณ์เป็น 2 อย่างว่าถ้าครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ถ้าบวชจะได้เป็นพระพุทธเจ้า มีพราหมณ์เพียงคนเดียวที่ชื่อโกณฑัญญะได้พยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าโดยความสมบูรณ์แห่งพระลักษณะอันประเสริฐของพระโพธิสัตว์
พราหมณ์เหล่านั้นกลับไปยังเรือนของตนแล้ว บอกบุตรของตนว่าถ้าเห็นพระราชบุตรของพระเจ้าสุทโธทนออกบวชพวกเจ้าให้ออกบวชตาม พราหมณ์ทั้ง 7 มีชีวิตอยู่ตามอายุขัยก็ตายไปตามยถากรรม มีพราหมณ์หนุ่มโกณฑัญญผู้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บยังอยู่ ในบรรดา 7 คนนั้น 3 คนไม่บวช 4 คนนอกนี้บวชพร้อมกับโกณฑัญญพราหมณ์และให้โกณฑัญญพราหมณ์เป็นหัวหน้า จึงได้ชื่อว่า พระปัญจวัคคีย์
พระสมเด็จชุดนี้ขอเรียกว่า "พระสมเด็จปู่ใหญ่" ที่หลวงปู่ใหญ่หรือหลวงปู่เทพโลกอุดรเป็นผู้สร้างและอธิษฐานจิตปลุกเสก เมื่อพระผู้สร้างเป็นพระอรหันต์ที่ทรงอภิญญาสมาบัติที่อิทธิฤทธิ์อันมหัศจรรย์เป็นพระอรหันต์ที่เหนือโลกมีอายุพันกว่าปีและจะยังมีอายุอยู่ต่อไปจนครบศาสนาของพุทธโคดมพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ผู้ใดได้พบเห็นและบูชาถือเป็นวาสนาบารมีอย่างยิ่ง
การจับพลังหรือการอธิษฐานจิตสัมผัสกับกระแสญาณขององค์พระได้นั้นจะรู้ได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้มีจริง
พระสมเด็จปู่ใหญ่ที่ถูกย่อยออกมาอีกหลายแบบโดยยึดด้านหลังทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์
มวลสารศักดิ์สิทธิ์มีอะไรบ้างอ่านบทความต่อไป
การแก้ปีชง อ่านบทความต่อไป
สำหรับพระพรหม ซึ่งประทับเหนือดอกบัวนั้น มีสี่พักตร์ สี่กร (ถัดจากองค์พระนารายณ์มาทางซ้ายบริเวณของทับหลัง มีรูปหน้ากาลคายพวงอุบะขนาดใหญ่ เหนือหน้ากาลมีรูปครุฑใช้มือยึดนาคไว้ข้างละตนนอกจากนี้ยังปรากฏรูปสัตว์อื่น ๆ ได้แก่ นกแก้ว ลิง และนกหัสดีลิงก์คาบช้างอยู่ด้วย รูปในส่วนนี้ไม่มีให้เห็นในพระสมเด็จ)
ศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์กลมกลืนกันจนแยกกันไม่ค่อยออก นอกจากคนที่ศึกษาและเข้าใจศาสนาพุทธอย่างดีจึงจะแยกกันออกได้อย่างชัดเจน แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังนับถือเทพแบบศาสนาพราหมณ์ ไทยถูกเขมรปกครองมาช้านานและนับถือลัทธิพราหมณ์ตามแบบเขมร แม้ในสมัยสุโขทัยไทยได้ประกาศตนเป็นอิสระจากเขมร และนับถือพระพุทธศาสนาแทนลัทธิพราหมณ์แล้วก็ตามแต่ก็ยังคงเอาลัทธิพราหมณ์หลายอย่างมาใช้เพื่อการเมืองการปกครอง ที่เชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นสมมุติเทพเป็นองค์อวตารของพระนารายณ์ และในสมัยอยุธยาก็ใช้รูปครุฑติดไว้ที่ธงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่าธงมหาราชโดยความเชื่อที่ว่าครุฑเป็นพาหนะของพระนารายณ์ ที่ไทยได้รับลัทธิเทวราชมาแบบอินเดีย
เทพ เทวดามีความเกี่ยวกับศาสนาพุทธที่ว่า บุคคลที่ทำบุญรักษาศีลเมื่อกายแตกดับไปแล้วจะได้ไปบังเกิดเป็นเทพบนสวรรค์ชั้นต่างๆตามบุญวาสนาของแต่ละคน ส่วนคนที่ทำบาปอกุศลตายแล้วไปรับกรรมในนรก บุคคลที่เสวยบุญในสวรรค์จนหมดอายุของสวรรค์ชั้นนั้นแล้วอาจมาเกิดเป็นมนุษย์หรือไปเกิดในนรกก็ได้ ตราบใดที่บุคคลทั้งหลายยังไม่สามารถบรรลุธรรมได้ก็ยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไปไม่รู้จักหมดสิ้น ศาสนาพราหมณ์กิดขึ้นก่อนศาสนาพุทธนานมากก่อนพระพุทธเจ้าจะประสูติ 1,000 ปี พระอินทร์บัญชาให้พระวิษณุกรรมนำคัมภีร์พิจารณามหาบุรุษ(ปุริสลักษณะ 32 ประการ อนุพยัญชนะ 80 ประการ ฯลฯ)มาให้พราหมณ์ศึกษา เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติแล้วพราหมณ์ทั้ง 8 คนมี 7 คนที่ได้พยากรณ์เป็น 2 อย่างว่าถ้าครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ถ้าบวชจะได้เป็นพระพุทธเจ้า มีพราหมณ์เพียงคนเดียวที่ชื่อโกณฑัญญะได้พยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าโดยความสมบูรณ์แห่งพระลักษณะอันประเสริฐของพระโพธิสัตว์
พราหมณ์เหล่านั้นกลับไปยังเรือนของตนแล้ว บอกบุตรของตนว่าถ้าเห็นพระราชบุตรของพระเจ้าสุทโธทนออกบวชพวกเจ้าให้ออกบวชตาม พราหมณ์ทั้ง 7 มีชีวิตอยู่ตามอายุขัยก็ตายไปตามยถากรรม มีพราหมณ์หนุ่มโกณฑัญญผู้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บยังอยู่ ในบรรดา 7 คนนั้น 3 คนไม่บวช 4 คนนอกนี้บวชพร้อมกับโกณฑัญญพราหมณ์และให้โกณฑัญญพราหมณ์เป็นหัวหน้า จึงได้ชื่อว่า พระปัญจวัคคีย์
พระสมเด็จชุดนี้ขอเรียกว่า "พระสมเด็จปู่ใหญ่" ที่หลวงปู่ใหญ่หรือหลวงปู่เทพโลกอุดรเป็นผู้สร้างและอธิษฐานจิตปลุกเสก เมื่อพระผู้สร้างเป็นพระอรหันต์ที่ทรงอภิญญาสมาบัติที่อิทธิฤทธิ์อันมหัศจรรย์เป็นพระอรหันต์ที่เหนือโลกมีอายุพันกว่าปีและจะยังมีอายุอยู่ต่อไปจนครบศาสนาของพุทธโคดมพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ผู้ใดได้พบเห็นและบูชาถือเป็นวาสนาบารมีอย่างยิ่ง
การจับพลังหรือการอธิษฐานจิตสัมผัสกับกระแสญาณขององค์พระได้นั้นจะรู้ได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้มีจริง
พระสมเด็จปู่ใหญ่ที่ถูกย่อยออกมาอีกหลายแบบโดยยึดด้านหลังทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์
มวลสารศักดิ์สิทธิ์มีอะไรบ้างอ่านบทความต่อไป
ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ด้านหลังพระสมเด็จปู่ใหญ่ |
พระสมเด็จปู่ใหญ่หลังพรพรหม |
พระสมเด็จปู่ใหญ่หลังพญานาค |
พระสมเด็จปู่ใหญ่หลังนารายณทรงครุฑยุดนาคประทับยืนหลังราหู |
ทันสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต ใช่ไหมครับขม
ตอบลบ