พระกริ่งปวเรศ - สายหน้าจีนจีวรดอกพิกุล

พระกริ่งปวเรศ# สายหน้าจีนจีวรลายดอกพิกุลองค์นี้สร้างปี พ.ศ. ๒๔๐๐ อธิษฐานจิตปลุกเสกถึง พ.ศ.๒๔๐๑ สะโพกจาร ป.ว.ร.(PS-102)
         พระกริ่งปวเรศ สายหน้าจีนชุดพิเศษก้นครกบดยา มีการอธิษฐานจิตปลุกเสกหลายพรรษาโดยหลวงปู่โตกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์และพระคณาจารย์อีกหลายท่าน จีวรลายดอกพิกุลในตัวไม่ได้ตอกสดเป็นลายจากแม่พิมพ์ผิวพระสีเหลืองเข้มเนื้อในองค์พระสีทองสวยงาม จารอักขระและปี พ.ศ. รอยจารลึกชัด สังเกตุตรงหลังสะโพกมีจาร ป.ว.ร. ดูจากรูปที่ 3 จะเห็นชัด พระกริ่งปวเรศพิมพ์นี้เริ่มสร้างปี พ.ศ. 2370 หลวงปู่โตอธิษฐานจิตปลุกเสกในขณะนั้น และเมื่อมีการสร้างพระกริ่งปวเรศขึ้นมาอีกในเวลาต่อมาคือปี พ.ศ.2375 เวลานี้กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ได้บวชเข้ามาเป็นพระภิกษุแล้วและท่านก็ได้มาร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วย พระกริ่งปวเรศในยุคต้นที่มีการสร้างออกมามากหลายพิมพ์จะอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2380 ซึ่งวัตถุพยานก็คือพระกริ่งปวเรศที่มีจาร พ.ศ.กำกับการสร้างและการปลุกเสกที่ข้าพเจ้าเคยนำเสนอไปบ้างแล้ว

         พระกริ่งปวเรศสายพาณิชย์กับสายอนุรักษ์
 พระกริ่งปวเรศสายพาณิชย์จะยอมรับว่ามีการสร้างจริง 30 องค์และต่อมาบอกว่ามีข้อมูลใหม่เพิ่มขึ้นมาเป็น 100 องค์จากหลวงชำนาญเลขาว่าได้มีการขออนุญาตสร้างเพิ่ม หลักฐานแรกๆที่สายพาณิชย์มักนำมากล่าวอ้างคือการสร้างพระกริ่งต้องมีพิธีกรรมมีการวางฤกษ์ซึ่งแต่ละปีจะได้ฤกษ์ที่สร้างพระกริ่งได้ไม่กี่องค์ ฟังดูให้เป็นเรื่องยากเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่พระของตัวเอง และที่ว่าเวลานี้มีพระกริ่งปวเรศเพิ่มขึ้น 100 องค์เขาเอาฤกษ์อะไรมาสร้างและสร้างได้มากกว่าที่เขาบอกกันสร้างครั้งเดียวเป็นเกือบ 100 องค์  พระสมเด็จวัดระฆังโดยหลวงปู่โตท่านว่างเมื่อไหร่ก็สร้างเมื่อนั้นและก็มีลูกศิษย์มากมายมาช่วยกดพิมพ์ ท่านก็ปลุกเสกไปเรื่อยๆคือสร้างไปแจกไป สร้างทุกวันก็แจกได้ทุกวันท่านถือฤกษ์สะดวก หลวงปู่โตได้บอกกับญาติโยมไว้ว่า "จะทำการสิ่งใด หากวันนั้น ฤกษ์นั้น โหรบอกว่าไม่ดีแต่เมื่อใด...โยมภาวนา พุทธัง ธัมมัง สังฆังสรณัง คัจฉามิ แล้วน้อมจิตให้เกิดความสงบภายในจิตใจ แผ่เมตตาให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย นั่นแล ฤกษ์ก็เปลี่ยน" พระภิกษุในธรรมวินัยนี้ไม่ถือเรื่องฤกษ์ยาม ไม่ควรจะเชื่ออะไรง่ายๆโดยเฉพาะคำพูดหรือตำราที่เซียนพระเขียนขึ้นมาเพื่อโฆษณาพระของตัวเอง
         
         พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
      ข้าพเจ้าขอถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึก
      ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
      ข้าพเจ้าขอถือเอาพระธรรมเป็นที่พึ่งที่ระลึก
      สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
      ข้าพเจ้าขอถือเอาพระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก

         พระกริ่งปวเรศสายอนุรักษ์จะมาจากหลายสถานที่หลายคนมีทั้งการเปลี่ยนมือส่งต่อกันมาจากพรรพบุรุษที่เชื่อถือได้ แต่ไม่รู้มาก่อนว่าพระกริ่งที่พรรพบุรุษเก็บรักษามานั้นเป็นพระกริ่งปวเรศที่ทรงคุณค่า ซึ่งมีทั้งพระกริ่งปวเรศยุคต้นหลวงปู่โต พระกริ่งปวเรศยุคกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ พระกริ่งปวเรศยุคต้นจะมี่ทั้งหลวงปู่โตกรมพระยาปวเรศฯร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก พระกริ่งปวเรศยุคกรมพระยาปวเรศอธิษฐานจิตปลุกเสกไม่มีหลวงปู่โตเริ่มแต่ปี พ.ศ.2416 เป็นต้นไป พระกริ่งปวเรศทั้ง 2 ยุคนี้จึงมีพลังพุทธานุภาพที่ต่างกัน คนที่เข้ามาศึกษาอย่างจริงจังย่อมแสวงหาพระกริ่งปวเรศที่ทันหลวงปู่โตไปบูชาแต่ในเวลานี้คนที่รู้ก็เก็บเงียบหมด พระกริ่งโรงงานก็มีออกมาจำนวนมากแปลกๆและสวยงามแต่ความเก่ายังทำไม่ได้ก็พิจารณาให้ดี
         พระกริ่งปวเรศที่ข้าพเจ้ามานำเสนอนั้นข้าพเจ้าได้ให้หลายคนอธิษฐานจิตตามที่ข้าพเจ้าบอกและสัมผัสกระแสพลังขององค์พระได้จริง หลายคนที่ข้าพเจ้าให้เขาจับพระสมเด็จของเขาเองก่อนและอธิษฐานจิตตามที่ข้าพเจ้าบอกเขารู้สึกขนลุกที่แขนมีพระสมเด็จบ้างบางองค์ที่ขนลุกเกือบทั้งตัว หลายคนที่ข้าพเจ้ายื่นพระกริ่งปวเรศยุคต้นหลวงปู่โตให้เขาอธิษฐาน แต่พอเขารับพระกริ่งไปยังไม่ทันได้อธิษฐานจิตเขาก็มีอาการขนลุกทั้งตัวแล้ว และเมื่อข้าพเจ้ายื่นพระกริ่งปวเรศที่ปลุกเสกหลายพรรษาให้เขาอธิษฐานจิต เช่นกันเขายังไม่ทันได้อธิษฐานจิตก็รับรู้ถึงกระแสพลังที่มากระทบทำให้ขนลุกทั้งตัวและแรงกว่าพระกริ่งปวเรศองค์แรกบางคนรู็สึกแน่นอกบางคนรู้สึกเย็นปลอดโปร่งและก็รู้สึกแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งทนไม่ไหวต้องส่งพระคืนให้ข้าพเจ้า แม้จะส่งพระคืนมาแล้วบางคนก็ยังรับรู้ถึงกระแสพลังนั้นอยู่ ต้องเปลี่ยนเรื่องคุยกระแสพลังก็หยุด ถ้ายังคุยเรื่องพระกริ่งองค์ที่เขาจับและคืนมาให้ข้าพเจ้ากระแสพลังขององค์พระก็ยังมากระทบตัวเขาอยู่ หลายคนที่เคยคุยและสัมผัสมาแล้ว
           
พระกริ่งปวเรศ# สายหน้าจีนองค์นี้สร้างปี พ.ศ. ๒๔๐๐ อธิษฐานจิตปลุกเสกถึง พ.ศ.๒๔๐๑ จารลึกชัด(PS-102)

พระกริ่งปวเรศ# สายหน้าจีนจีวรลายดอกพิกุลองค์นี้สร้างปี พ.ศ. ๒๔๐๐ อธิษฐานจิตปลุกเสกถึง พ.ศ.๒๔๐๑ สะโพกจาร ป.ว.ร.บัวหลังด้านขวาจาร พ.ศ.(PS-102)

พระกริ่งปวเรศ# สายหน้าจีวรลายดอกพิกุลจีนองค์นี้สร้างปี พ.ศ. ๒๔๐๐ อธิษฐานจิตปลุกเสกถึง พ.ศ.๒๔๐๙ สะโพกจาร ป.ว.ร.(PS-903)

พระกริ่งปวเรศ# สายหน้าจีนองค์นี้สร้างปี พ.ศ. ๒๔๐๐ อธิษฐานจิตปลุกเสกถึง พ.ศ.๒๔๐๙ สะโพกจาร ป.ว.ร.(PS-903)

พระกริ่งปวเรศ# สายหน้าจีนองค์นี้สร้างปี พ.ศ. ๒๔๐๐ อธิษฐานจิตปลุกเสกถึง พ.ศ.๒๔๐๙ สะโพกจาร ป.ว.ร.(PS-903)

พระกริ่งปวเรศ# สายหน้าจีนจีวรลายดอกพิกุลองค์นี้สร้างปี พ.ศ. ๒๔๐๐ อธิษฐานจิตปลุกเสกถึง พ.ศ.๒๔๑๐ สะโพกจาร ป.ว.ร.(PS-1001)

พระกริ่งปวเรศ# สายหน้าจีนองค์นี้สร้างปี พ.ศ. ๒๔๐๐ อธิษฐานจิตปลุกเสกถึง พ.ศ.๒๔๑๐ สะโพกจาร ป.ว.ร.(PS-1001)

พระกริ่งปวเรศ# สายหน้าจีนจีวรลายดอกพิกุลองค์นี้สร้างปี พ.ศ. ๒๓๗๐ อธิษฐานจิตปลุกเสกถึง พ.ศ.๒๔๐๒ รวม ๓๒ พรรษา (K70-01)
          พระกริ่งปวเรศองค์นี้สร้างปี พ.ศ. ๒๓๗๐ ก้นครกบดยาจารเต็มสะโพกไม่มีจาร ป.ว.ร. คือกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ยังไม่ได้เข้าร่วมพิธีเพราะขณะนั้นพระองค์ท่านยังบวชเป็นสามเณรอยู่ องค์พระกริ่งสีน้ำตาลเข้ม ส่วนลึกที่ไม่ค่อยถูกสัมผัสจะเป็นสีดำเทา พระกริ่งปวเรศองค์นี้ดูแล้วเนื้อจัดสวยงามมาก
พระกริ่งปวเรศ# สายหน้าจีนจีวรลายดอกพิกุลองค์นี้สร้างปี พ.ศ. ๒๓๗๐ อธิษฐานจิตปลุกเสกถึง พ.ศ.๒๔๐๒ รวม ๓๒ พรรษา รอยจารลึกชัด(K70-01)

พระกริ่งปวเรศ# สายหน้าจีนก้นถ้วยจีวรเรียบ(TY-001)

พระกริ่งปวเรศ# สายหน้าจีนก้นถ้วยจีวรเรียบองค์เดียวกับองค์ข้างบนผ่านการล้างแล้วเนื้อในสีทองสวยงาม เจาะสะโพกอุดกริ่งปิดแผ่นทองแดง(TY-001)
สนใจบูชาติดต่อโทร 092 339 5410

ความคิดเห็น